การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพ รูปแบบการดำเนินชีวิต และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เขตกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • มนัสนันท์ หัตถศักดิ์ ภาควิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900

คำสำคัญ:

บุคลิกภาพ, รูปแบบการดำเนินชีวิต, แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์, นักศึกษา

บทคัดย่อ

งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพื่อศึกษาระดับคะแนนเฉลี่ย ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลส่วนบุคคล  บุคลิกภาพ รูปแบบการดำเนินชีวิต และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และสร้างสมการพยากรณ์แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักศึกษาระดับปริญญา ประชากรคือนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ปี 2560 กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษาจำนวน 400 คน ในปีการศึกษา 2560 จาก 4 สถาบันอุดมศึกษา ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ 1 ฉบับคือแบบสอบถามเพื่อสอบถาม บุคลิกภาพ รูปแบบการดำเนินชีวิต และ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ .87 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณด้วยวิธีการ Stepwise

ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จำนวน 227 คน คิดเป็นร้อยละ 43.3 และนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มากที่สุด จำนวน 152 คน คิดเป็นร้อยละ 38.0 ลักษณะบุคลิกภาพของนักศึกษา แบบหวั่นไหวอยู่ในระดับมาก 3.55 รองลงมาคือ แบบเปิดเผย 3.44 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง และนอกนั้นอยู่ในระดับปานกลาง รูปแบบการดำเนินชีวิตทั้ง 6 ด้านอยู่ในระดับมาก ที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงคือแบบวิชาการ 3.84 รองลงมาคือ แบบสมาคม 3.76  แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ทั้ง 6 ด้าน นั้นอยู่ในระดับ มาก 3 ด้าน ได้แก่ การมีความทะเยอทะยานทางการเรียน มีคะแนนเฉลี่ย 3.85 รองลงมาคือ มีความรับผิดชอบ 3. 71 และในระดับปานกลางมี 3 ด้าน เปรียบเทียบ ค่าเฉลี่ยคะแนนระหว่างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์กับนักศึกษาที่มีเพศแตกต่างกัน นักศึกษาที่มีเพศแตกต่างกันมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในด้าน ทะเยอทะยานทางการเรียน กระตือรือร้นทางการเรียน กล้าเสี่ยง และมีเอกลักษณ์ทางการเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณ การสร้างสมการพยากรณ์ผู้วิจัยเลือกโมเดลที่ 3 มาใช้มีตัวแปรพยากรณ์ที่ดีที่สุดที่ส่งผลต่อแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05จำนวน 3 ตัว คือ บุคลิกภาพแบบเปิดเผย รับผิดชอบ และหวั่นไหว ซึ่งส่งผลทางบวก ทั้ง 3 ตัวแปรสามารถร่วมกันพยากรณ์แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรในรูปคะแนนมาตรฐาน (ß) .222, .190, .121 ตามลำดับ และในรูปคะแนนดิบ (b) เท่ากับ .265, .194, .139 ค่าสหสัมพันธ์พหุคูณมีค่าเท่ากับ .421 และกำลังสองของค่าสหสัมพันธ์พหุคูณที่ปรับแก้มีค่าเท่ากับ .178 มีอำนาจในการพยากรณ์ร้อยละ 17.8 โดยสร้างเป็นสมการณ์ในรูปคะแนนดิบดังนี้

(แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์) = .265+  .194 +  .139

คะแนนมาตรฐาน Ž= .222 (Z บุคลิกภาพแบบเปิดเผย) +  .190 (Z รับผิดชอบ) +  .121 (Z หวั่นไหว)

เอกสารอ้างอิง

ณัฐพรหม อินทุยศ. (2553). จิตวิทยาการศึกษา. เพชรบูรณ์: สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเพชรบูรณ์.

ประสาท อิศรปรีดา. (2523). จิตวิทยาการเรียนรู้กับการสอน. กรุงเทพฯ: กราฟิกอาร์ต.

ปรียาพร วงค์อนุตรโรจน์. (2553). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ.

ประสิทธิ์ ทองอุ่น. (2542). พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาคน. กรุงเทพฯ: เธิร์ดเวฟเอ็ดดูเคชั่น.

ปริวัฒน์ จันทร์ทรง และ นิตต์อนิล ภูริชอุดมอังกูร. (2561). การศึกษาความคาดหวังและการรับรู้จริงต่อคุณภาพอาจารย์ที่ปรึกษาจากนักศึกษาสาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา, 7(1), 72-100. ได้จาก: https://so03.tci-thaijo.org/index.php/Humanties-up/article/view/206312

ศิริพร แสงศรีจันทร์และคณะ. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านนิสิต กระบวนการเรียนการสอน ปัจจัยเกื้อหนุน กับความสุขของนิสิตพยาบาล. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา, 1(2), 20-28. ได้จาก: https://so03.tci-thaijo.org/index.php/Humanties-up/article/view/42687

แสงเดือน ทวีศิน. (2545). จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเส็ง.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-11-27

รูปแบบการอ้างอิง

หัตถศักดิ์ ม. (2020). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกภาพ รูปแบบการดำเนินชีวิต และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เขตกรุงเทพมหานคร. Trends of Humanities and Social Sciences Research, 8(2), 162–175. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/Humanties-up/article/view/248183

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย