AN INTEGRATION OF BUDDHADHAMMA PRINCIPLE FOR PROMOTION OF THE PROCEDURE OF FEMINIST POLITICIAN IN DEMOCRATIC REGIME IN SURAT THANI PROVINCE

Authors

  • วิลาสินี ทรรพคช มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • อธิษฐ์ สุวฑฺโฒ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • เอกกวิน ปิยวีโร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

DOI:

https://doi.org/10.14456/tisr.2024.37

Keywords:

Buddhadhamma Principle, Feminist Politician, Democratic Regime, Surat Thani Province

Abstract

This paper aims to study the general conditions, problems, obstacles. The factors affecting the promotion of feminist politician, and to propose an integration of Buddhadhamma principle in promotion of the procedure of feminist politician in democratic regime in Surat Thani Province. The results of the research found that ancient Thai society viewed women as compare the hind legs of an elephant. women were responsible for taking care of the housework and children only. Women were often sensitive, fragile, lacked decisiveness, and lacked influence and charm of power. Women had to maintain their moral image and had to be careful in risky situations. The factors affecting the promotion of the feminist political entry process were at a high level overall, the political factors were at a high level. This research proposes an integration of Sappurisadhamma 7 principle in promotion of the procedure of feminist politician in democratic regime.

Downloads

Download data is not yet available.

References

กรมการปกครอง. (2566). สถิตจำนวนประชากรพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี. สืบค้นจาก https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statMONTH//statmonth//#/view.

กิติญา มุขสมบัติ. (2560). การพัฒนาบทบาทนักการเมืองท้องถิ่นสตรีไทยในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ. ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

จิตกร วิจารณรงค์, วัชรินทร์ ชาญศิลป์ และ สมาน งามสนิท. (2566). การบูรณาการหลักพุทธธรรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิผลการบริหารจัดการท่องเที่ยวของบริษัทท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร. วารสารพุทธนวัตกรรมและการจัดการ, 6(2), 44-58.

นิตยา เทพแป้น, อัศว์ศิริ ลาปีอี และ ไชยวัฒน์ เผือกคง. (2565). ปรากฏการณ์การเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองของสตรีในบทบาทผู้นำทางการเมืองท้องถิ่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี. การค้นคว้าอิสระ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.

ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนเขตเลือกตั้ง และท้องที่ที่ประกอบเป็นเขต พ.ศ.2566.

พรธิดา ช่วยสำราญ, สุพัฒพงศ์ แย้มอิ่ม และ ไชยวัฒน์ เผือกคง. (2566). บทบาทและภาพลักษณ์ของนักการเมืองสตรีระดับท้องถิ่นที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. การค้นคว้าอิสระ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.

มนสิชา ภักดิเมธี และ พลวัฒ ประพัฒน์ทอง. (2560). บทบาทสตรีในการบริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น, 11(3), 195-210.

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย. (2537). พระไตรปิฎกและอรรถาแปล ชุด 91 เล่ม ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560.

วิภาพรรณ อุปนิสากร. (2559). การพัฒนาบทบาททางการเมืองของสตรี. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 16(3), 51-61.

ศิกัญญา อยู่เมือง และ ณฐภัทร อยู่เมือง. (2562). การพัฒนาบทบาททางการเมืองในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรีระดับท้องถิ่นในเขตอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย, 12(3), 121-140.

อำนาจ สุมโน (จิตร์มั่น), วิรุธ วิโรจโน และ ประยุตสารธรรม. (2567). พฤติกรรมของผู้นำท้องถิ่นตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ในเขตตำบลหัวหนอง อำเภอบ้านไผ่

จังหวัดขอนแก่น. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มมร. วิทยาเขตอีสาน, 5(1), 123-133.

อุปกิตปริยัติโสภณ และ สุวิชัย อินทกุล. (2564). สัปปุริสธรรม 7 กับการพัฒนาในศตวรรษที่ 21. วารสาร มจร. การพัฒนาสังคม, 6(2), 198-206.

Bari, F. (2005). Women’s Political Participation: Issues and Challenges. Retrieved from www.un.org/womenwatch/daw/egm/enabling-environment2005/docs/EGM-WPD-EE-2005-EP.12%20%20draft%20F.pdf.

Downloads

Published

2024-09-01

How to Cite

ทรรพคช ว., สุวฑฺโฒ อ., & ปิยวีโร เ. (2024). AN INTEGRATION OF BUDDHADHAMMA PRINCIPLE FOR PROMOTION OF THE PROCEDURE OF FEMINIST POLITICIAN IN DEMOCRATIC REGIME IN SURAT THANI PROVINCE. Thai Interdisciplinary and Sustainability Review, 13(2), 209–221. https://doi.org/10.14456/tisr.2024.37