สหวิทยาการและความยั่งยืนปริทรรศน์ไทย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS
<p><em>วารสารสหวิทยาการวิจัย: ฉบับบัณฑิตศึกษา</em> (e-ISSN: 2730-3616) เป็นวารสารซึ่งจัดพิมพ์ในภาษาไทย โดยสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อเป็นพื้นที่ในการเผยแพร่ผลงานวิชาการและผลงานวิจัย รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดความเห็น ตลอดจนเป็นแหล่งค้นคว้าระดับบัณฑิตศึกษาในระดับนานาชาติ ที่น่าเชื่อถือและมีความเป็นปัจจุบัน ในเชิงสหวิทยาการ ทั้งสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งมีรูปแบบการกลั่นกรองบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ท่าน ก่อนลงตีพิมพ์ แบบผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ มีกำหนดปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-มิถุนายน ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม</p>
บริษัท ที่ปรึกษากฎหมาย ธุรกิจ และการวิจัย ไวท์ ไทเกอร์ จำกัด
th-TH
สหวิทยาการและความยั่งยืนปริทรรศน์ไทย
2286-7252
-
การวิเคราะห์องค์ประกอบการจัดการธุรกิจของวิสาหกิจชุมชน ผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปในสามจังหวัดชายแดนใต้
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/281412
<p>การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบการจัดการธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปในสามจังหวัดชายแดนใต้ ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจากประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปในสามจังหวัดชายแดนใต้ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนให้ความสำคัญกับองค์ประกอบการจัดการธุรกิจในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยในภาพรวมเท่ากับ 4.14 และจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ พบว่าการจัดการธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปในสามจังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ การจัดการทรัพยากรมนุษย์วิสาหกิจชุมชน การจัดการการตลาดวิสาหกิจชุมชน การจัดการการผลิตวิสาหกิจชุมชน และการจัดการการเงินวิสาหกิจชุมชน ดังนั้นวิสาหกิจชุมชนจึงต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบข้างต้น และนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจต่อไป</p>
ปิยะดา มณีนิล
สัสดี กำแพงดี
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-10-17
2024-10-17
14 1
บทความที่ 1
บทความที่ 1
10.14456/tisr.2025.1
-
มานุภาพทางศิลปะ: กรณีศึกษาผลงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/281873
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพแวดล้อม และกำหนดกลยุทธ์ สำหรับงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา 2) ศึกษาวิธีการสร้างผลงานศิลปะในเชิงพาณิชย์ของศิลปินในจังหวัดสงขลา และ 3) ศึกษาแนวทางในการสร้างมานุภาพทางศิลปะให้กับงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา โดยมีผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ ศิลปินผู้สร้างผลงานศิลปะในจังหวัดสงขลา โดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลคือ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะและมีโอกาสได้จำหน่ายผลงานให้กับบุคคลที่สนใจในงานศิลปะ จำนวน 12 คน โดยการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้เครื่องมือ SWOT Analysis และ TOWS Matrix โดยการวิเคราะห์เนื้อหา และการตรวจสอบสามเส้าด้านทฤษฎี ผลการวิจัยพบว่า สภาพแวดล้อมสำหรับงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา มีจุดแข็ง 4 ประการ จุดอ่อน 4 ประการ โอกาส 4 ประการ และอุปสรรค 4 ประการ โดยมีกลยุทธ์สำหรับงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา ประกอบด้วย กลยุทธ์เชิงรุก 3 ประการ กลยุทธ์เชิงป้องกัน 2 ประการ กลยุทธ์เชิงแก้ไข 2 ประการ และกลยุทธ์เชิงรับ 2 ประการ การสร้างผลงานศิลปะในเชิงพาณิชย์ของศิลปินในจังหวัดสงขลาศิลปินจะต้องมีการปรับตัวกับยุคสมัยโดยอาศัยความต้องการของตลาด การพัฒนาเอกลักษณ์เฉพาะตัว การใช้ช่องทางสื่อ การสร้างความร่วมมือ และการใส่ใจในคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ สำหรับแนวทางในการสร้างมานุภาพทางศิลปะให้กับงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา จากการศึกษาพบว่า ผลงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลา ยังคงขาดความสามารถในการทำการตลาด นอกจากนี้ศิลปินรุ่นใหม่ยังคงขาดโอกาสในการนำเสนอผลงาน ซึ่งสามารถอธิบายแนวทางในการสร้างมานุภาพทางศิลปะให้กับผลงานศิลปะของศิลปินในจังหวัดสงขลาได้ออกเป็น 5 มิติ ดังนี้ 1) มิติด้านการสร้างเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม 2) มิติด้านการส่งเสริมการทูตเชิงวัฒนธรรม 3) มิติด้านการใช้สื่อสังคมและเทคโนโลยี 4) มิติการสร้างประสบการณ์ และ 5) มิติการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ</p>
ธภัทร บริรักษ์กิจดำรง
เจษฎา นกน้อย
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-18
2024-11-18
14 1
บทความที่ 2
บทความที่ 2
10.14456/tisr.2025.2
-
ประโยชน์ที่รับรู้เทียบกับต้นทุนที่รับรู้: ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายออร์แกนิกในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/280015
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายแบบออร์แกนิกในหมู่ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ด้วยความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ ความตระหนักด้านรูปลักษณ์ ทัศนคติต่อการซื้อ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง ความเชื่อมั่น และประสบการณ์ในอดีต การทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในกลุ่มนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจและผู้กำหนดนโยบาย การศึกษานี้ใช้วิธีการสำรวจเชิงปริมาณ โดยรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม ผลการศึกษาเผยให้เห็นว่า ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ ความตระหนักด้านรูปลักษณ์ ทัศนคติต่อการซื้อ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง ความเชื่อมั่น และประสบการณ์ในอดีตมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายแบบออร์แกนิกในหมู่ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ในขณะที่ ทัศนคติต่อการซื้อ ความเชื่อมั่น และประสบการณ์ในอดีต มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวแปรส่งผ่านในการสร้างการรับรู้ของผู้บริโภคและผลักดันให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ</p>
เอกภูศิษฐ์ บุญศิริยศฐากุล
สร้อยบุปผา สาตร์มูล
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-18
2024-11-18
14 1
บทความที่ 3
บทความที่ 3
10.14456/tisr.2025.3
-
การวิจัยเพื่อพัฒนาและทดสอบความตรงของแบบวัด ความตั้งใจดูแลผู้สูงวัยอย่างเอื้ออาทร
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/280458
<p>ในปัจจุบันมีประชากรสูงวัยที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลมีเพิ่มมากขึ้น ความตั้งใจที่จะดูแลอย่างเอื้ออาทรจึงเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของผู้ดูแลผู้สูงวัย เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัย การวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาเครื่องมือวัดความตั้งใจที่จะดูแลผู้สูงอายุอย่างเอื้ออาทร โดยมีการวิจัยทั้งหมด 4 ขั้นตอน โดยในขั้นการหาคุณภาพของเครื่องมือวัด และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาพยาบาล รวมจำนวน 420 คน ผลปรากฏว่า โมเดลการวัดความตั้งใจที่จะดูแลผู้สูงอายุอย่างเอื้ออาทร ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ จำนวน 12 ข้อ และอธิบายความแปรปรวนได้ 59.484% ในขั้นการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาพยาบาล กลุ่มใหม่ จำนวน 384 คน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลปรากฏว่า โมเดลการวัดมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ แบบวัดมีค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดเท่ากับ 0.82 เมื่อทำการทดสอบความตรงในกลุ่มตัวอย่างผู้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุจำนวน 171 คน พบว่า แบบวัดที่สร้างใหม่นี้มีความสัมพันธ์ทางบวกกับจิตพลังจริยธรรม การประเมินแก่นแห่งตน และพฤติกรรมการดูแลอย่างเอื้ออาทร แต่มีความสัมพันธ์ทางลบกับจริยธรรมหลุด จึงได้เสนอแนะการใช้แบบวัดเพื่อการปฏิบัติและการวิจัยต่อไป</p>
ปุณญรัสธิ์ ต่อไพบูลย์
ดวงเดือน พันธุมนาวิน
ดุจเดือน พันธุมนาวิน
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-18
2024-11-18
14 1
บทความที่ 4
บทความที่ 4
10.14456/tisr.2025.4
-
รูปแบบการส่งเสริมการใช้เขม่าดำทดแทนจากขยะยางล้อ ในอุตสาหกรรมยางโดยใช้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/281766
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้เขม่าดำทดแทนจากขยะยางล้อ (RCB) พัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ และวิเคราะห์ความเหมาะสมของรูปแบบดังกล่าว การวิจัยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นแรกใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่าส่วนใหญ่มีนโยบายใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ RCB มีประโยชน์ในการลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีข้อจำกัดด้านคุณภาพเมื่อเทียบกับเขม่าดำดั้งเดิม ขั้นที่สองใช้วิจัยเชิงปริมาณ พบว่าปัจจัยด้านการจัดการขยะและระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมีอิทธิพลสำคัญต่อการส่งเสริมการใช้ RCB จึงนำมาพัฒนา Business Model Canvas ขั้นสุดท้ายประเมินความเหมาะสมโดยการสำรวจ ผลปรากฏว่าทุกองค์ประกอบได้รับการประเมินในระดับสูงมาก โดยเฉพาะด้านการนำเสนอคุณค่า การสร้างรายได้ ทรัพยากรหลัก กิจกรรมหลัก และพันธมิตรหลัก ผลการวิจัยสรุปได้ว่า RCB มีศักยภาพสูงในการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมยาง จากผลการวิจัยนี้ผู้วิจัยได้นำเสนอ SHIFT Model เป็นกรอบแนวคิดในการส่งเสริมการใช้ RCB ประกอบด้วย ผสานพลัง, ปรับให้สอดคล้อง, สร้างนวัตกรรม, ส่งเสริม และเปลี่ยนแปลง</p>
สมพิศ วัฒนเลี้ยงใจ
ธันนิกานต์ สูญสิ้นภัย
ชลวิทย์ เจียรจิตต์
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-19
2024-11-19
14 1
บทความที่ 5
บทความที่ 5
10.14456/tisr.2025.5
-
พัฒนารูปแบบการเตรียมความพร้อมก่อนการเกษียณด้านเศรษฐกิจ ของบุคลากรและผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม: กรณีศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/281764
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหา พัฒนารูปแบบ และศึกษาความเหมาะสมของการเตรียมความพร้อมก่อนการเกษียณด้านเศรษฐกิจ ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ และได้พัฒนารูปแบบ BMC ซึ่งได้รับการประเมินความเหมาะสมในระดับมาก โดยเฉพาะในด้านการนำเสนอคุณค่า การสร้างรายได้ และทรัพยากรสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังมีพื้นที่สำหรับการปรับปรุงในด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการเตรียมความพร้อมมากที่สุดคือปัจจัยทางเศรษฐกิจ รองลงมาคือเพศและความพึงพอใจในการทำงาน นอกจากนี้ ปัจจัยด้านสุขภาพและระดับการศึกษาก็มีผลเชิงบวกต่อการเตรียมความพร้อม ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนานโยบายและแผนการเตรียมความพร้อมก่อนการเกษียณที่ครอบคลุมและเป็นระบบ โดยเน้นการให้ความรู้ด้านการวางแผนการเงิน การสร้างความตระหนัก และการสนับสนุนจากทั้งองค์กรและภาครัฐ ผู้วิจัยได้นำเสนอโมเดล IFACE ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดแบบบูรณาการ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การบูรณาการ การวางแผนทางการเงิน การสร้างความตระหนัก ความร่วมมือ และการศึกษา</p>
ชวนัส แสงยิ่งยงวัฒนา
ธันนิกานต์ สูญสิ้นภัย
ชลวิทย์ เจียรจิตต์
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-19
2024-11-19
14 1
บทความที่ 6
บทความที่ 6
10.14456/tisr.2025.6
-
การประเมินศักยภาพการท่องเที่ยวตามรอยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/281132
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินศักยภาพการท่องเที่ยวตามรอยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้วิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก และการประเมินศักยภาพการท่องเที่ยวตามรอยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 20 ท่าน ผลการวิจัยพบว่าแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีศักยภาพที่หลากหลายและมีความสำคัญต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ จากการสัมภาษณ์และการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่าแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับว่ามีศักยภาพสูง ได้แก่ สถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญและแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงการจัดทำแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว</p>
โฆษิตสุทธสร บงค์บุตร
เสรี วงษ์มณฑา
ชุษณะ เตชคณา
ณัฐรินทร์ ปริวงศ์กุลธร
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-19
2024-11-19
14 1
บทความที่ 7
บทความที่ 7
10.14456/tisr.2025.7
-
การพัฒนาโมเดลการจัดการธุรกิจและผลิตภัณฑ์แก้วมังกรผ่านการสื่อสาร การตลาดดิจิทัล ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/282798
<p>การวิจัยแบบผสมผสานนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโมเดลการจัดการธุรกิจและผลิตภัณฑ์แก้วมังกรผ่านการสื่อสาร การตลาดดิจิทัล ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย กลุ่มตัวอย่างสำหรับวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ ตัวแทนสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แก้วมังกร กลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับวิสาหกิจชุมชนในตำบลร่องจิก ผู้บริโภค ชุมชน สื่อมวลชน ผู้นำชุมชน ร้านค้า ส่วนวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การใช้ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์และตัวแทนสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดินปลูกแก้วมังกรนาวป้อม 479 ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาโมเดลการจัดการธุรกิจและผลิตภัณฑ์แก้วมังกรผ่านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยใช้ Business Model Canvas 9 ช่อง มาเป็นต้นแบบ เมื่อมีการทดลองใช้และยืนยันโมเดล โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และหลังการใช้และยืนยันโมเดล มีการปรับการใช้โมเดลต้นแบบจาก BMC 9 ช่อง ไปเป็น โมเดล POLC ตามความต้องการของกลุ่ม</p>
ปฤฐฏาง จันทร์บุญเรือง
พรรณธวรรณ บุตรดีสุวรรณ
กิติยา คีรีวงก์
วรกร พิมพาคุณ
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-11-19
2024-11-19
14 1
บทความที่ 8
บทความที่ 8
10.14456/tisr.2025.8
-
การเชื่อมโยงความที่ปรากฏในบทเพลงธรรมะ
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/282747
<p>บทเพลงธรรมะในสื่อออนไลน์ปัจจุบัน มีลักษณะของการใช้การเชื่อมโยงความ เพื่อการสื่อสารสู่ผู้ฟังที่มีลักษณะเฉพาะ โดยมีเจตนาเพื่อสร้างความสุนทรียะ สร้างความสงบทางจิตใจ สร้างจิตสำนึกให้ฝักใฝ่ในคุณงามความดีตามหลักธรรมชาติ และตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการเชื่อมโยงความที่ปรากฏในบทเพลงธรรมะ โดยศึกษาข้อมูลจากบทเพลงธรรมะที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูบ จำนวน 500 เพลง ผลการศึกษาพบการเชื่อมโยงความ 4 ประเภท ประเภทที่พบมากที่สุด คือ การเชื่อมโยงความประเภทการอ้างถึง รองลงมาพบการเชื่อมโยงความประเภทการใช้คำเชื่อม รองลงมาพบการเชื่อมโยงความประเภทการซ้ำ และพบการเชื่อมโยงความประเภทการละน้อยที่สุด ซึ่งการเชื่อมโยงความในบทเพลงธรรมะนี้มีจุดเด่นในเรื่องการอ้างถึง พบว่ามีการอ้างถึงบุรุษสรรพนามเป็นคำศัพท์ทางธรรมที่ใช้อ้างถึงเฉพาะในบทเพลงธรรมะเท่านั้นโดยไม่ปรากฏการใช้คำศัพท์ทางธรรมนี้ในบทเพลงประเภทอื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นทางด้านการใช้คำศัพท์ในบทเพลงธรรมะเป็นอย่างมาก และการเชื่อมโยงความทุกประเภทที่พบในบทเพลงธรรมะยังทำให้สามารถร้อยเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทำให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆ ผ่านการถ่ายทอดจากบทเพลงธรรมะได้เป็นอย่างดี</p>
ชวัลภา พรหมาซุย
บุญเลิศ วิวรรณ์
วิไลศักดิ์ กิ่งคำ
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-12-15
2024-12-15
14 1
บทความที่ 9
บทความที่ 9
10.14456/tisr.2025.9
-
การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาสื่อเสมือนจริงแบบปฏิสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลปากน้ำประแส จังหวัดระยอง
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/283209
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพื่อศึกษานโยบายการท่องเที่ยวและการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาสื่อเสมือนจริงแบบปฏิสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลปากน้ำประแส จังหวัดระยอง 2) เพื่อพัฒนาสื่อเสมือนจริงแบบปฏิสัมพันธ์ และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและความพึงพอใจต่อการใช้สื่อ ผลการศึกษาพบว่า 1) การมีส่วนร่วมของชุมชนปากน้ำประแสอยู่ในทิศทางที่ดี มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในชุมชน มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และมีข้อเสนอแนะว่าชุมชนสามารถนำเทคโนโลยีมายกระดับการท่องเที่ยวของชุมชนได้ 2) ความเหมาะสมของสื่อเสมือนจริงแบบปฏิสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด และ 3) การมีส่วนร่วมของชุมชนมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับปานกลางกับความพึงพอใจต่อการใช้สื่อของทั้งชุมชนและนักท่องเที่ยว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
ยศกร วรรณวิจัตร
พงช์ศนัญ ชาญชัยชิณวรฒ์
กิตติยา ก้วสะเทือน
วาริท วสยางกูร
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-12-15
2024-12-15
14 1
บทความที่ 10
บทความที่ 10
10.14456/tisr.2025.10
-
แนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะฟื้นฟูสุขภาพเท้า ด้วยการซื้อของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JIRGS/article/view/282289
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับความสามารถของผู้ประกอบการร้านค้า มาตรฐานการผลิตสินค้า กลยุทธ์การตลาด มาตรฐานการให้บริการ และการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะฟื้นฟูสุขภาพเท้า 2) เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุของมาตรฐานการผลิตสินค้า ความสามารถของผู้ประกอบการร้านค้า กลยุทธ์การตลาด และมาตรฐานการให้บริการที่มีอิทธิพลต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะฟื้นฟูสุขภาพเท้า 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะฟื้นฟูสุขภาพเท้า ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถของผู้ประกอบการร้านค้า กลยุทธ์การตลาด และการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะในระดับมากที่สุด ส่วนมาตรฐานการผลิตสินค้าและมาตรฐานการให้บริการอยู่ในระดับมาก 2) กลยุทธ์การตลาดมีอิทิพลเชิงสาเหตุรวมต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความสามารถของผู้ประกอบการ มาตรฐานการให้บริการและมาตรฐานการผลิตสินค้า ตามลำดับ 3) ได้แนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมรองเท้าแตะฟื้นฟูสุขภาพเท้า เป็นภาพแผนภูมิประกอบด้วย กลยุทธ์การตลาดที่มีอิทธิพลรวมมากที่สุด เป็นฐานผลักดันอยู่ล่างสุด มีความสามารถของผู้ประกอบการและมาตรฐานการให้บริการอยู่ตรงกลาง ส่วนมาตรฐานการผลิตสินค้าช่วยส่งเสริมอยู่ในระดับบนด้วย ผลการวิจัยมีประโยชน์ต่อหน่วยราชการ ใช้ในการกำหนดนโยบายและกำกับดูแล และเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานเพื่อผู้บริโภคใช้งานได้อย่างคุ้มค่าตลอดไป</p>
ธนาคม รัชตโรจน์
ทวี แจ่มจำรัส
ไปรพร แสงจันทร์
Copyright (c) 2025 Authors
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/
2024-12-15
2024-12-15
14 1
บทความที่ 11
บทความที่ 11
10.14456/tisr.2025.11