การกลายเป็นคำสันธานของคำกริยา ‘กลับ’ ในภาษาไทยสมัยสุโขทัย ถึงสมัยปัจจุบัน The Grammaticalization to conjunction of Verb /klap/ in Thai
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกลายเป็นคำสันธานของคำกริยา ‘กลับ’ เชิงประวัติ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบันปีพุทธศักราช 2560 ผลการศึกษาพบว่า ‘กลับ’ มี 4 หน้าที่ ได้แก่ (1) คำกริยา (2) คำช่วยกริยา (3) คำวิเศษณ์ (4) คำสันธาน และมี 9 ความหมาย คำว่า ‘กลับ’ ปรากฏทำหน้าที่คำกริยาและคำช่วยกริยาทุกสมัย เริ่มทำหน้าที่คำวิเศษณ์สมัยอยุธยา และเริ่มทำหน้าที่คำสันธานสมัยรัชกาลที่1
บริบทที่คำว่า ‘กลับ’ มีความหมายเชื่อมประโยคคือการปรากฏหน้าสุดในกริยาวลีที่มีประโยคนำมาข้างหน้าและมีความหมายแฝงแสดงความตรงข้ามหรือไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย คำว่า ‘กลับ’ เป็นคำกริยาต้นแบบในสมัยที่ 2 เป็นคำกริยาต้นแบบหรือคำกริยารอบนอกในบางบริบทในสมัยที่ 1 และสมัยที่ 3 ในขณะที่ปรากฏเป็นคำสันธานรอบนอกรัชกาลที่ 1 จนถึงสมัยปัจจุบัน
การกลายเป็นคำสันธานของ ‘กลับ’ ยังไม่สมบูรณ์ และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความถี่ในปรากฏเป็นคำสันธานสูงขึ้นและลดลงบางสมัย การกลายเป็นคำไวยากรณ์ผ่านกลไกทางวากยสัมพันธ์ คือ การวิเคราะห์ใหม่และการเทียบแบบ ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางความหมาย คือ การอุปลักษณ์และการนามนัย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภาษา ดังนี้ (1) การทำให้มีความหมายทั่วไป (2) การสูญคุณสมบัติของหมวดคำ (3) การเจาะจงเลือก (4) กระบวนการแยก และ (5) การนำมาใช้ใหม่ ส่วนทิศทางการกลายเป็นคำไวยากรณ์เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบทิศทางเดียวและค่อยเป็นค่อยไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กิ่งกาญจน์ เทพกาญจนา. (2559). กระบวนการกลายเป็นรูปไวยากรณ์. กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาคดีประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8. (2498). พระนคร : ชัยฤทธิ์.
จรัสดาว อินทรทัศน์. (2539). กระบวนการที่คำกริยากลายเป็นคำบุพบทในภาษาไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (2542). พระราชพิธีสิบสองเดือน. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ : บรรณาคาร.
ทิพากรวงศ์, เจ้าพระยา. (2504). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพฯ: ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์.
ทิพากรวงศ์, เจ้าพระยา. (2539). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ฉบับตัวเขียน. กรุงเทพฯ : อมรินทร์วิชาการ.
เทพี จรัสจรุงเกียรติ. (2543). หน่วยเชื่อมโยงปริจเฉทภาษาไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต).กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นววรรณ พันธุเมธา. (2549). ไวยากรณ์ไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บรรจบ พันธุเมธา. (2549). กาเลหม่านไต. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา.
บุนนาค พยัคฆเดช. (2505). พระบรมราชาธิบายของรัชกาลที่ 5. พระนคร : สำนักพิมพ์คลังวิทยา.
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (2537). จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ภาคปลาย. กรุงเทพฯ : คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี.
พระบรมราโชวาทและกระแสพระราชดำรัส ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รวบรวมโดย กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา. (2550). กรุงเทพฯ: กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา.
พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี แผ่นดิน สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ฉบับหมอ บรัดเล. (2551). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โฆษิต.
พุทธชาติ ธนัญชยานนท์. (2536). การเกิดความต่างด้านความสั้นยาวของสระกลางและสระต่ำในภาษาไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไพทยา มีสัตย์. (2540). การศึกษาคำช่วยหน้ากริยาที่กลายมาจากคำกริยาในภาษาไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มิ่งมิตร ศรีประสิทธิ์. (2546). การศึกษาเชิงประวัติของคำว่า แล้ว อยู่ อยู่แล้ว. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เมธาวี ยุทธพงษ์ธาดา. (2555). การขยายหน้าที่และความหมายของคำว่า “ตัว” ตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึง พ.ศ. 2551. (วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ราตรี แจ่มนิยม. (2546). การศึกษาคำบุพบทที่กลายมาจากคำกริยาในภาษาไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
รุ่งอรุณ ทีฆชุณหเถียร. (2545). อนิยมสรรพนามและปฤจฉาสรรพนาม : การศึกษาเชิงประวัติ. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ลิไท, พระยา. (2509). ไตรภูมิพระร่วง. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : คลังวิทยา.
วรลักษณ์ วีระยุทธ. 2556. การศึกษาวากยสัมพันธ์ข้ามสมัยในคำว่า ไป และ มา. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
วิจินตน์ ภาณุพงศ์. (2524). โครงสร้างภาษาไทย : ระบบไวยากรณ์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สัณห์ธวัช ธัญวงษ์. (2557). กระบวนการกลายเป็นคำไวยากรณ์ของคำ "ไว้". (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรีเนตร จรัสจรุงเกียรติ. (2551). ยัง : การศึกษาเชิงประวัติ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรีเนตร จรัสจรุงเกียรติ. (2555). พัฒนาการของคำว่า“เป็น” ในภาษาไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและโบราณคดี. (2510). ประชุมจดหมายเหตุอยุธยาภาค 1. พระนคร : โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี.
อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2543). ชนิดของคำในภาษาไทย : การวิเคราะห์ทางวากยสัมพันธ์ โดยอาศัยฐานข้อมูลภาษาไทยปัจจุบันสองล้านคำ. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์, กิติมา อินทรัมพรรย์ และนัฐวุฒิ ไชยเจริญ. (2544). โครงการไวยากรณ์ไทยฉบับครอบคลุมภาษาย่อย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
Bybee, J., Perkins, R., & Pagliuca, W. (1994). The Evolution of Grammar: Tense, Aspect, and Modality in the Languages of the World. Chicago: University of Chicago Press.
Heine, B., Claudi, U., & Hünnemeyer, F. (1991). Grammaticalization: a conceptual framework. Chicago: University of Chicago Press.
Heine, B. & Reh, M. (1984). Grammaticalization and Reanalysis in African Languages. Humburg: Helmut Buske.
Hopper, P. J. & Traugott, E. C. (2003). Grammaticalization. (2nd ed.) Cambridge: Cambridge University Press.
Kurylowicz, J. (1965). The inflectional categories of Indo-European. Heidelberg: Winer.
Lehmann, C. (1985). Grammaticalization: Synchronic variation and diachronic change. Lingua E Stile, 20, pp. 303-318.
Meillet, Antoine. (1912). L' évolution des formes grammaticales. Scientia. Revue internationale de synthese scientifique, 12(26), 6. pp 130-148.