https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/issue/feed วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 2025-06-25T00:00:00+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปารดา เดชะประทุมวัน liberalartsjournal@gmail.com Open Journal Systems <p><strong>วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้</strong></p> <p><strong>Online ISSN: 2985-2471</strong></p> https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/280250 การวิเคราะห์ความเชื่อและพิธีกรรมที่ปรากฏในคัมภีร์กระดูกไก่ของชาวจ้วง 2024-10-21T13:35:27+07:00 อาภรณ์ ถิรกันต์ arphon.thi@mfu.ac.th พลวัฒ ประพัฒน์ทอง pollavat.pra@mfu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ความเชื่อและพิธีกรรมที่ปรากฏในคัมภีร์กระดูกไก่ของชาวจ้วง โดยงานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงเอกสาร ขอบเขตวรรณกรรมที่ใช้เป็นหนังสือตำรากระดูกไก่ของพ่อหมอชาวเยว่ของหวงชื่อฟา ในการศึกษานี้ใช้ทฤษฎีวิเคราะห์คุณค่าวรรณกรรม ด้านคุณค่าเชิงสังคม ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยมและแนวคิดนิเวศวิทยาวัฒนธรรม เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลเชิงลึก<br />จำนวน 4 ท่าน จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปผล</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า ภายในเนื้อหาของคัมภีร์กระดูกไก่ส่วนใหญ่มีผลคำทำนายในแต่ละเรื่องว่าดีหรือร้าย มีการตักเตือน และชี้แนะแนวทางในการแก้ไข เพื่อให้ผู้รับคำทำนายเกิดความสบายใจและช่วยในการตัดสินใจในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยคัมภีร์กระดูกไก่ของชาวจ้วงสะท้อนให้เห็นถึง 1) ความเชื่อในผีเทวดา ส่งผลให้เกิดพิธีกรรมการเซ่นไหว้บูชา พิธีกรรมการส่งผี และพิธีกรรมการเสี่ยงทายกระดูกไก่ 2) ความเชื่อในเรื่องธาตุส่งผลให้เกิดพิธีกรรมการเรียกขวัญ 3) ความเชื่อในเรื่องความกตัญญู ส่งผลให้เกิดพิธีกรรมการสร้างสุสาน</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/277148 การเรียนรู้ทางสังคมที่ติดตัวของเด็กนักเรียนที่ก่อให้เกิดทัศนคติอนุรักษ์นิยมในทางการเมืองแบบไทย 2024-08-01T10:55:26+07:00 ปัณณธร ศรีเสน punnathon.ss@gmail.com <p>บริบทการเมืองไทยในปัจจุบันตั้งแต่การเรียกร้องของขบวนการคณะราษฎร พ.ศ. 2563 เป็นต้นมามีการเกิดขึ้นของกระแสความต้องการการเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มก่อตัวจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่พึ่งพอใจต่อโครงสร้างทางสังคมในปัจจุบันจนขยายตัวไปถึงการเรียกร้องทางด้านประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ลักษณะของขบวนการเคลื่อนไหวมีหลากหลายภาคส่วนตั้งแต่กลุ่มนักเรียนไปจนถึงกลุ่มนักศึกษา ทำให้ผู้วิจัยเกิดคำถามว่ากลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่เหล่านี้มีความเป็นเนื้อเดียวกันในแง่ของอุดมการณ์หรือไม่ เนื่องจากภาพปรากฏการณ์จริงทางสังคมนั้นกลับมีเด็กนักเรียนบางคนเลือกที่จะสนับสนุนการคงอยู่ของรัฐบาลเผด็จการทหาร และชื่นชอบในสถาบันการปกครองของไทยที่เก่าแก่ด้วยเช่นกัน ผู้วิจัยจึงทำการศึกษาการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนจำนวน 15 คนภายใน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากการระบุเป้าหมายโดยกลุ่มเพื่อนฝูง ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในสถานศึกษา โดยการนำแนวคิดความสัมพันธ์เชิงพึ่งพิงต่อรอง (social configurations) ของ <br />นอร์เบิร์ต เอไลอัส เพื่อทำการวิเคราะห์ภาพตัวตน (self-image) และการควบคุมตนเอง (self-control) นำมาซึ่งความเข้าใจต่อความคิดและความรู้สึกในตัวเด็กผ่านอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมทางการเมืองไทยที่มีความจำเป็นต้องพึ่งพิงต่อรองตลอดชีวิตผ่านระบบการเรียนรู้ทางสังคมที่ติดตัว (habitus) ในของตัวเด็กนักเรียนจากแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทย</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/286655 การตั้งชื่อบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่: ลักษณะทางภาษา วงความหมาย และค่านิยม 2025-03-13T11:54:54+07:00 กฤษฎิ์ สุรนัคครินทร์ Krit_su@live.com อาภาลัย สุขสำราญ apalai_suk@hotmail.com พิชญ์ จิตต์ภักดี Pit@mju.ac.th <p style="font-weight: 400;">บทความวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ 1. เพื่อสนองพระราชดำริภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2. เพื่อศึกษาลักษณะภาษาที่ใช้ในการตั้งชื่อบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่ 3. เพื่อศึกษาวงความหมายที่ใช้ในการตั้งชื่อบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่ 4. เพื่อศึกษาความเชื่อและค่านิยมที่สะท้อนจากชื่อบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่ โดยใช้แนวคิดเรื่องอรรถศาสตร์ชาติพันธุ์ (ethnosemantics) ในการศึกษา คณะผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลชื่อบอนสีที่จดทะเบียนกับสมาคมบอนสีแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2525-2567 รวมจำนวน 822 ชื่อ ผลการศึกษาพบว่า ลักษณะทางภาษาของชื่อบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่ มี 3 ลักษณะ ได้แก่ ลักษณะด้านเสียง พบจำนวนพยางค์ของชื่อต้นบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่มากสุด คือ 3 พยางค์ 4 พยางค์ และ <br />2 พยางค์ตามลำดับ และมีการใช้สัมผัสอักษรและสัมผัสสระทั้งในชื่อต้นเดียวกันและระหว่างชื่อ 2 ต้น ลักษณะด้านคำ พบว่า มีการใช้ชื่อที่มีองค์ประกอบบางส่วนซ้ำกัน การเลือกใช้คำแสดงระดับภาษาที่หลากหลาย และการแปลงการสะกดการันต์หรือการสะกดการันต์ผิด ลักษณะด้านความหมาย พบว่า มีการใช้คำที่มีความหมายเกี่ยวเนื่องเป็นชุดเดียวกันหรือการใช้คำจ่ากลุ่ม-ลูกกลุ่ม การใช้คำที่มีความหมายเหมือนกัน และการเลือกใช้ความหมายด้านลบ กลุ่มวงความหมายที่ใช้ในการตั้งชื่อบอนสีลูกผสมพันธุ์ใหม่พบทั้งหมด 19 กลุ่ม ซึ่งความหมายเหล่านี้สะท้อนให้เห็นค่านิยมของคนไทย 12 ประการ</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/281917 การประเมินประสิทธิผลของการออกแบบการวิจัยกึ่งทดลองในการส่งเสริม พฤติกรรมการคัดแยกขยะที่ยั่งยืนผ่านเว็บไซต์การจัดการขยะ 2024-10-21T14:14:11+07:00 วศิน เหลี่ยมปรีชา wasinl@nu.ac.th สุทธิดา ฉายศรี suttidac@nu.ac.th ศริยา เครือยิ้ม Sariyak@nu.ac.th <p>งานวิจัยนี้ศึกษาการประเมินประสิทธิผลของการออกแบบการวิจัยกึ่งทดลองในการส่งเสริมพฤติกรรมที่ยั่งยืนผ่านเว็บไซต์การจัดการขยะ โดยเน้นที่การรับรู้ของคนรุ่นเจเนอเรชัน Z วัตถุประสงค์ของการวิจัยคือเพื่อศึกษาอิทธิพลของเว็บไซต์การจัดการขยะรีไซเคิลต่อการรับรู้ของผู้เข้าร่วมในด้านต่างๆ เพื่อศึกษาผลของประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ต่อการรับรู้ของผู้เข้าร่วม และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ประสิทธิผลของทรัพยากรออนไลน์ที่มีให้บนเว็บไซต์กับพฤติกรรมการรีไซเคิลของผู้เข้าร่วม โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมการใช้เว็บไซต์การจัดการขยะ จำนวน 49 คน ที่ถูกคัดเลือกโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวกจากกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่เข้าร่วมโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน เครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้คือแบบสอบถามก่อนและหลังจากการใช้เว็บไซต์จัดการขยะ โดยข้อมูลถูกวิเคราะห์ด้วยการทดสอบ Wilcoxon signed-rank test เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังการแทรกแซง ผลการวิจัยพบว่าการรับรู้ของผู้เข้าร่วม ประสบการณ์การใช้งาน และพฤติกรรมการรีไซเคิลของผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.001 หลังจากการใช้เว็บไซต์ สมมติฐานของการวิจัยได้รับการยืนยันว่าดิจิทัลแพลตฟอร์มอย่างเว็บไซต์สามารถส่งเสริมความตระหนักและพฤติกรรมที่ยั่งยืนได้ การศึกษานี้มีส่วนช่วยในการทำความเข้าใจว่าการแทรกแซงทางดิจิทัลสามารถส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อผู้กำหนดนโยบายและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/287049 การสร้างคำไทยใหม่จากภาษาต่างประเทศ: กรณีศึกษา พจนานุกรมคำใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2025-05-01T18:53:23+07:00 สุวรรณ เลียงหิรัญถาวร suwanliang@hotmail.com <p>งานวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการสร้างคำไทยใหม่ที่มีส่วนประกอบเป็นภาษาต่างประเทศ<br />ในพจนานุกรมคำใหม่ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม 1-3 ผลการศึกษาวิเคราะห์ พบว่า คำไทยใหม่ที่เป็นภาษาต่างประเทศหรือมีส่วนประกอบเป็นภาษาต่างประเทศที่ปรากฎในพจนานุกรมทั้ง 3 เล่มนี้ มีรูปแบบการสร้างคำใหม่ รวม 8 รูปแบบ โดยมีการสร้างคำแบบทับศัพท์มากที่สุด ซึ่งจำแนกเป็น การทับศัพท์เต็มคำ การทับศัพท์แบบตัดมาบางส่วน และการทับศัพท์อักษรย่อหรือคำย่อ รองลงมาคือ การสร้างคำแบบประสมคำ ซึ่งพบการประสมคำ 8 ลักษณะ ได้แก่ การประสมคำไทย-อังกฤษ การประสมคำอังกฤษ-ไทย การประสมคำอังกฤษ-อังกฤษ การประสมคำไทย-จีน การประสมคำจีน-ไทย การประสมคำจีน-จีน การประสมคำอังกฤษ-จีน และการประสมคำจีน-อังกฤษ ลำดับที่ 3 คือรูปแบบการสร้างคำแบบพิเศษ ซึ่งจำแนกออกได้ 4 ลักษณะ คือ การสร้างคำหลายพยางค์หรือวลีที่มีภาษาต่างประเทศแทรกอยู่ การสร้างคำหรือวลีที่มีเสียงคล้องจองกัน การแปลงเสียงของคำยืมให้มีลักษณะคล้ายเป็น<br />คำไทย และการสนธิคำ ลำดับที่ 4 คือการสร้างคำแบบแปลคำศัพท์ ลำดับที่ 5 คือการสร้างคำแบบซ้ำคำ ลำดับที่ 6 <br />มี 2 รูปแบบที่มีจำนวนเท่ากัน คือ การสร้างคำแบบบัญญัติศัพท์ และการสร้างคำแบบซ้อนคำ ลำดับสุดท้ายคือการสร้างคำแบบรวมคำ</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/283668 ความสัมพันธ์ระหว่างทุนชุมชนที่ส่งผลต่อความเข้มแข็งของชุมชน ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดสระแก้ว 2025-01-03T11:08:07+07:00 เฉลิมพงษ์ จันทร์สุขาr chaloemphong@vru.ac.th วรรณี เดียวอิศเรศ wannee.d@rbu.ac.th ชัยยนต์ ประดิษฐศิลป์ chaiyon49@gmail.com <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทุนชุมชนที่ดำรงอยู่และความเข้มแข็งของชุมชน รวมทั้งศึกษาความสัมพันธ์และอิทธิพลของทุนชุมชนที่ดำรงอยู่กับความเข้มแข็งของชุมชน ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดสระแก้ว กลุ่มตัวอย่างคือหัวหน้าครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลท่าข้าม ตำบลบ้านด่าน ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จำนวน 416 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างแบบสอบถามทุนในชุมชนที่ยังคงดำรงอยู่ ซึ่งแบ่งเป็น 5 ด้าน ได้แก่ทุนทางสังคม ทุนทางสิ่งแวดล้อม ทุนมนุษย์ ทุนวัฒนธรรม และทุนทางเศรษฐกิจ และแบบสอบถามความเข้มแข็งของชุมชน ซึ่งมีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ .90 และ .82 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .92 และ .89 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ทุนชุมชนที่ดำรงอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดสระแก้ว ด้านสังคมอยู่ในระดับมาก (<em>M</em>=3.49, <em>S.D.</em>=0.43) รองลงมาอยู่ในระดับปานกลาง คือ ทุนทางสิ่งแวดล้อม (<em>M</em>=3.40, <em>S.D</em> =0.40) ทุนมนุษย์ (<em>M</em>=3.08, <em>S.D</em> =0.49) ทุนวัฒนธรรม (<em>M</em>=2.95, <em>S.D</em> =0.45) และทุนทางเศรษฐกิจ (<em>M</em>=2.85, <em>S.D</em> =0.55) ระดับความเข้มแข็งของชุมชน พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง (<em>M</em>=3.33, <em>S.D</em> = 0.31) ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่า ทุนชุมชนแต่ละด้านมีความสันพันธ์ทางบวกกับความเข้มแข็งของชุมชนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>r</em>=.31-.75, <em>p</em>&lt;.01) ทุนชุมชนทั้ง 5 ด้านร่วมกันทำนายความเข้มเข็งของชุมชนได้ร้อยละ 47.7 และทุนทางสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อความเข้มเข็งของชุมชนมากที่สุด (Beta=.575, p&lt;.001) รองลงมาคือทุนมนุษย์ (Beta=.160, p&lt;.001) ทุนทางสังคม (Beta=.146, p&lt;.001) ทุนทางเศรษฐกิจ (Beta=.025, p&lt;.05) ตามลำดับ ส่วนทุนวัฒนธรรมพบว่าไม่มีอิทธิพลต่อระดับความเข้มแข็งของชุมชนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/283518 พิธีกรรมเลี้ยงเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันตน วัดศรีล้อม จังหวัดลำปาง: การสื่อความด้วยสัญลักษณ์ 2025-01-27T14:37:14+07:00 ปิยพงษ์ วังคีรี wwwtailoei@gmail.com เอื้อมพร ทิพย์เดช uamporn.jo@up.ac.th บัณฑิต ทิพย์เดช bandid.th@up.ac.th วัชรินทร์ แก่นจันทร์ vajarindra.ka@up.ac.th <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ความเชื่อผ่านสัญลักษณ์ที่ปรากฏในพิธีกรรมเลี้ยงเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันตน วัดศรีล้อม ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง โดยศึกษาด้วยวิธีการทางคติชนวิทยาและการศึกษาวิถีชีวิตพื้นบ้าน (Folklore and Folklife studies) กล่าวคือ เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งจากเอกสารและการปฏิบัติงานภาคสนาม ตลอดจนสัมภาษณ์วิทยากรที่มีคุณสมบัติตรงกับคุณสมบัติที่กำหนดไว้ จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความเชื่อผ่านสัญลักษณ์ทั้งที่เป็นพฤติกรรมของบุคคลและสิ่งของที่ปรากฏในพิธีกรรมเลี้ยงเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันตน ตามแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวกับการศึกษาสัญลักษณ์ แล้วนำเสนอผลการศึกษาด้วยการพรรณนาวิเคราะห์</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า พิธีกรรมเลี้ยงเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันตนมีความเชื่อที่แฝงอยู่ในพิธีกรรมเลี้ยงเจ้าพ่อ<br />มหายักษ์สามพันตนนั้น ปรากฏผ่านสัญลักษณ์ใน 5 ลักษณะ คือ ความเชื่อเกี่ยวกับผู้ประกอบพิธีกรรม ความเชื่อเกี่ยวกับสถานที่ประกอบพิธีกรรม ความเชื่อเกี่ยวกับวันเวลาในการประกอบพิธีกรรม ความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องประกอบพิธีกรรม และพฤติกรรมสัญลักษณ์ในพิธีกรรม ซึ่งสัญญะดังกล่าวนอกจากจะแสดงถึงความเคารพศรัทธาในเจ้าพ่อ<br />มหายักษ์สามพันตนแล้ว ยังแฝงไว้ซึ่งคติคำสอนและสะท้อนความคิดของชาวชุมชนในเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/278834 โลกทัศน์ของคนรัสเซียจากสำนวนเกี่ยวกับตัวเลขหนึ่งถึงเก้า 2024-09-06T13:30:45+07:00 ปริตต์ อรุณโอษฐ์ parit.a@tu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาโลกทัศน์ของคนรัสเซียผ่านสำนวนที่เกี่ยวข้องตัวเลขหนึ่งถึงเก้าในภาษารัสเซียจากแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่รวบรวมสำนวนเกี่ยวกับตัวเลขและพจนานุกรมสำนวนภาษารัสเซีย <br />4 แหล่งข้อมูล จำนวนทั้งสิ้น 206 สำนวน โดยใช้กรอบของโลกทัศน์เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ ประกอบไปด้วย <br />โลกทัศน์ต่อมนุษย์ โลกทัศน์ต่อธรรมชาติ และโลกทัศน์ต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ ผลการศึกษาพบว่า สำนวนเกี่ยวกับตัวเลขหนึ่งถึงเก้าในภาษารัสเซียสะท้อนโลกทัศน์ต่อมนุษย์มากที่สุด ประกอบขึ้นจากโลกทัศน์ย่อย ๆ หลายประการ อาทิ <br />โลกทัศน์ของบุคคลต่อความสัมพันธ์เชิงเครือญาติ โลกทัศน์ต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ ในขณะที่สำนวนที่สะท้อนโลกทัศน์ต่อธรรมชาติและโลกทัศน์ต่อสิ่งเหนือธรรมชาติมีจำนวนน้อยลงมาตามลำดับ ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตัวเลขต่าง ๆ กับการมองโลกของชาวรัสเซียที่มีการเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวของตนเอง หลากหลายสำนวนเกี่ยวข้องกับตัวเลขเจ็ดเนื่องจากเลขดังกล่าวถือเป็นเลขแห่งความโชคดี อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ซึ่งเป็นศาสนาหลักของรัสเซียมาอย่างยาวนาน หลากหลายตัวเลขเชื่อมโยงกับความเป็นจริงของอวัยวะร่างกายมนุษย์ (อาทิ ตัวเลขสองกับจำนวนหู ตัวเลขห้ากับจำนวนนิ้ว) บางตัวเลขเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซีย และบางตัวเลขเชื่อมโยงกับผลงานสร้างสรรค์ของนักเขียนและศิลปิน สะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของโลกทัศน์ชาวรัสเซียที่แตกต่างจากชาติอื่น ๆ อย่างไรก็ดีตัวเลขต่าง ๆ ที่ปรากฏในสำนวนมิได้มีความหมายแบบคงที่และสามารถนำมาใช้ได้โดยทั่วไป หากแต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลา ระบบความคิด สถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/277357 วัตถุสั่งรวย: การสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้วัตถุผ่านการบูชาเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันต๋น 2024-08-09T11:13:24+07:00 ภัทริยา คงธนะ pattariya.khong@gmail.com เก่งกิจ กิติเรียงลาภ kkengkij@gmail.com <p>ปรากฏการณ์การบูชาวัตถุมงคลเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นประเด็นที่น่าสนใจในการศึกษาวัฒนธรรม<br />ทางศาสนาของไทย คำถามของการวิจัยคือ เงื่อนไขอะไรที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์การบูชาเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันต๋นเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย และเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันต๋นในฐานะวัตถุสั่งรวยมีอำนาจเหนือมนุษย์อย่างไร โดยบทความ<br />ชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ 1) ศึกษาเงื่อนไขและบริบทที่นำไปสู่การเกิดปรากฏการณ์การบูชาเจ้าพ่อมหายักษ์<br />สามพันต๋นเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย 2) เพื่อทำความเข้าใจเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันต๋นในฐานะวัตถุสั่งรวยที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ บทความนี้ประยุกต์ใช้กรอบแนวคิด “ลัทธิบูชาความมั่งคั่ง (cults of wealth)” และกรอบของภววิทยาของวัตถุ Object–Oriented Ontology หรือ OOO เพื่ออธิบาย “วัตถุสั่งรวย” จากมุมมองของวัตถุ และช่วยสร้างความเข้าใจปัญหาซับเจค (subject) กับวัตถุวัตถุมงคลที่มีศักยภาพในการเชื่อมต่อผู้คนกับเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันต๋น บทความนี้<br />ใช้การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วยวิธีการทางชาติพันธุ์วรรณา ด้วยการการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ผู้วิจัยเสนอว่า ความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจส่งผลให้การพกพาวัตถุมงคลกลายเป็นวัตถุแห่งความหวังรูปแบบหนึ่ง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จากการบูชาจึงเน้นที่เรื่องความร่ำรวย นอกจากนั้น ประสบการณ์ทางศาสนาของผู้ศรัทธายังมีส่วนช่วยทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับวัตถุมงคลในชีวิตประจำวัน ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจเรื่องการบูชาวัตถุมงคลเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยโดยก้าวข้ามความเชื่อที่ว่า ศาสนาเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลที่งมงาย สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นศูนย์กลางในการจัดการกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่มนุษย์ยังพึ่งพาวัตถุมงคลในฐานะอมนุษย์ (non-human) ที่มีอำนาจมากกว่ามนุษย์ในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดทุนนิยมอีกด้วย</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/284194 Health Behaviors for Well-being of Karen Group: Traditional Rituals and Mental Health across Four Cultures 2025-02-06T10:34:27+07:00 Ikuma Tomita chiangraikuma@gmail.com Piyaphun Nunta piyaphun2508@gmail.com <p>-</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/281205 ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และข้อกฎหมาย ต่อการผลิตองค์ความรู้จากหลุมขุดทางโบราณคดี 2024-10-21T13:54:51+07:00 สิตานันท์ สุวรรณศิลป์ s_suwunnasin@hotmail.com <p>ผู้วิจัยต้องการนำเสนอว่าลำดับชั้นและเครือข่ายทางสังคมของภาครัฐนั้นมีผลกระทบต่อเนื่องต่อการสร้างความรู้ทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นผ่านนโยบายของชนชั้นปกครองและภาครัฐในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ <br />การออกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และระบบการจ้างงานทางโบราณคดีที่ตอบสนองนโยบายรัฐ โดยเลือกใช้ทฤษฎีเครือข่าย-ผู้กระทำ เพื่อตอบคำถามหลักของการวิจัย คือ เครือข่ายผู้กระทำภายในแหล่งโบราณคดีก่อให้เกิดการประกอบสร้างองค์ความรู้อย่างไร โดยติดตามภาครัฐด้วยวิธีสืบย้อนประวัติศาสตร์การสร้างแนวคิดโบราณคดีของรัฐ ประกอบกับการศึกษากฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง พบว่า พัฒนาการแนวคิดโบราณคดีไทยเกิดขึ้นจากแนวคิดของชนชั้นปกครองเป็นหลัก โบราณคดีถูกนำมาใช้เพื่อตอบสนองนโยบายทางการเมือง ประชาชนไม่ใช่ผู้กระทำหลักที่<br />ส่งผลต่อการสร้างองค์ความรู้ทางโบราณคดีแต่อย่างใด นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของระบบจ้างเหมาทางโบราณคดีระหว่างรัฐและเอกชน และการออกข้อกฎหมายที่เน้นไปที่การให้นิยามความหมายมากกว่าการออกข้อบังคับในการขั้นตอนการสร้างองค์ความรู้ ส่งผลต่อเนื่องไปยังผู้กระทำอื่น ๆ ที่มีปฏิบัติการอยู่ในงานภาคสนามให้เกิดการผลิตองค์ความรู้ที่ไม่ได้ใส่ใจการหายไปของข้อมูลทางโบราณคดีจากปฏิบัติการอย่างเร่งรีบในภาคสนามอีกด้วย</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalartsjournal/article/view/285160 พญากง พญาพาน: บทบาทและการส่งต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น 2025-03-04T11:29:52+07:00 วรรษมน เพียรเสมอ wasamone@webmail.npru.ac.th ปทิตตา พูพะเนียด ok_5am@hotmail.com <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทและการส่งต่อเรื่องเล่าพื้นบ้านพญากงพญาพานในฐานะเครื่องมือสื่อสารทางวัฒนธรรม ผลการศึกษาพบว่าด้านบทบาทของเรื่องเล่าพื้นบ้านพญากงพญาพานปรากฏทั้งในด้านการอธิบายชื่อบ้านนามเมืองที่เชื่อมโยงกับเนื้อเรื่อง การสะท้อนค่านิยมชุมชน รวมถึงบทบาทในพิธีกรรมและเทศกาลท้องถิ่น ด้านการส่งต่อเรื่องเล่า พบว่าเรื่องเล่าพญากงพญาพานใช้วิธีบอกเล่าหรือมุขปาฐะเช่นเดียวกับเรื่องเล่าพื้นบ้านในอดีต เมื่อเรื่องเล่าเริ่มได้รับความนิยม จึงเริ่มมีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงมีการสร้างสรรค์ในรูปแบบที่ทันสมัย ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในตัวชี้วัดสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อส่งต่อถึงคนรุ่นใหม่อย่างทั่วถึง ผลการศึกษาบทบาทและการส่งต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นของเรื่องเล่าพื้นฐานพญากงพญาพานทำให้เห็นอิทธิพลของเรื่องพญากงพญาพานในสังคมร่วมสมัย พบว่ามีการเสนอแนวทางการนำประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในสังคมร่วมสมัย ที่ปรากฏอย่างเด่นชัดได้แก่ การใช้เรื่องเล่าพื้นบ้านเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยวท้องถิ่น และการใช้เรื่องเล่าพื้นบ้านเพื่อการต่อสู้กับอำนาจรัฐและทุนภายนอก นับเป็นคุณค่าของเรื่องเล่าในฐานะกลไกสำคัญทางวัฒนธรรมที่ช่วยรักษาเสถียรภาพวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงสืบไป</p> 2025-06-25T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025