A Study of the Spreading of the Stories of Pao Ching-tian by Oral Transmission ways in Thailand

Main Article Content

Xuezhi Li
Kanokporn Numtong
Chatuwit Keawsuwan

Abstract

      This paper mainly focuses on the oral transmission of the stories of Pao Ching-Tian in Thailand, and it will use documentary analysis method in this paper, which analyses all Chinese and Thai literatures related to Pao Ching-Tian, and interview the scholars studying  the Chinese immigrants and the Chinese operas in Thailand, as well as opera troupe owner and opera performers, and watch the opera performances posted on the web.  The research in this paper found that the oral transmission of spreading the stories of Pao Ching-Tian in Thailand can be categorized by 6 topics. 1) storytelling in the family and among the villagers 2) Chinese storytelling (PingShu) 3) Chinese local opera 4) Chinese and Thai songs 5) Thai opera 6) Thammasat University opera. In a word, the result of this paper can be used as reference to study the oral transmission of other literary works in Thailand in future.

Article Details

Section
Research Articles

References

คมชัดลึก. (2558). ศิลปวัฒนธรรม : งิ้วกวางตุ้ง บนเวทีความรักไทย-จีน. สืบค้น 28 สิงหาคม 2565 จาก https://www.komchadluek.net/komlifestyle/213506

จิตรียา ชาญวารินทร์. (2554). การบริหารเพื่อการสืบทอดสือทางเลือก:กรณีศึกษางิ้วธรรมศาสตร์ (วิทยานิพนธ์หลักสูตรวรสารศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สืบค้นจาก https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:122175#

ชูศักดิ์ จันทร์รัตน์. (2559). แนวความคิดทางสังคมการเมืองที่ปรากฏในละครโทรทัศน์: กรณีศึกษาเรื่อง“เปาบุ้นจิ้น”เวอร์ชั่นที่นำมาฉายทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ระหว่างปี พ.ศ. 2538 - 2559. (วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ถาวร สิกขโกศล. (2554). ประวัติงิ้วในเมืองไทย. วารสารจีนศึกษา. 4(4), 1-21.

นฤบดี วรรธนาคม. (2541). ผลทางสังคมของภาพยนตร์จีนชุด “เปาบุ้นจิ้น” ที่มีต่อผู้ชมในกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต).กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นจาก http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/67943

ปรีดา อัครจันทโชติ. (2543). สุนทรียรูปในสื่อสารการแสดง "งิ้ว" ของคนไทยในปัจจุบัน (วิทยานิพนธ์ปริญญานิเทศศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นจาก http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64109

พระสันทัดอักษรสาร. (2467). “ตำนานงิ้วในเมืองไทย.” ศัพท์ไทย, เล่ม 3 ตอน 9 เมษายน พ.ศ.2467: 1592-1610.

ยาขอบ. (2507). สามก๊กฉบับวณิพก. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ ผดุงศึกษา.

เรือนแก้ว ภัทรานุประวัติ. (2557). การสืบทอดความเป็นจีนสู่ลูกหลานในสังคมไทย. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. 34(2), 174-193.

วรรณา แต้มทอง. (2561). การลงทัณฑ์ของ "เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม". การประชุมวิชาการสาขานิติศาสตร์ระดับชาติครั้งที่ 1, หัวข้อ “ระบบกฎหมายไทย : ปฏิรูป/เปลี่ยนผ่าน /ปฏิสงขรณ”, 8 มิถุนายน 2561. ณ โรงแรมแคนทารีฮิลล์ จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ศักดา หอรุ่งเรือง.(2558). ศิลปวัฒนธรรม : งิ้วกวางตุ้ง บนเวทีความรักไทย-จีน. สืบค้น 28 สิงหาคม 2565 จาก https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/213506

สุกัญญา หาญตระกูล. (2556). ฝนจะตกแดดจะออกงิ้วก็ยังเล่น. สืบค้น 28 สิงหาคม 2565 จาก https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/101254

สนิท ยืนศักดิ์, เยาวรัตน์ เม็งขาว และสุกัญญา เกาะวิวัฒนากุล. (2562). ความเชื่อและโลกทัศน์ในชุมชนแม่ใสผ่านวรรณกรรมมุขปาฐะ. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 53(27), 181-202.

สมชัย กวางทองพานิชย์. (2565). งิ้วมาจากไหน ในไทยเคยฮิตขั้นเจ้าเป็นเจ้าของโรงงิ้วมหรสพชั้นสูงในราชสำนักถึงช่วงโรย. สืบค้น 28 สิงหาคม 2565 จาก https://www.silpa- mag.com/culture/article_35077

สมชัย กวางทองพานิชย์. (2564). 10 งิ้วที่ยิ่งใหญ่ของจีน มีงิ้วฮิตในเมืองไทยอย่างงิ้วแต้จิ๋วอยู่ด้วย. สืบค้น 28 สิงหาคม 2565 จาก https://www.silpa mag.com/history/article_75555

สิรีรัตน์ นวกสถิตวงศ์. (2556). การศึกษาวิเคราะห์ “เปากงอั้น” ฉบับภาษาไทย (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต). ปักกิ่ง: มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง.

สุมา จรัสแนว. (2565). ชีวประวัติสังเขปของทิศา เบญจเทพ. สืบค้น 28 สิงหาคม 2565 จาก https://www.facebook.com/100013374044472/videos/ 1730650457315416/

สุรสิทธิ์ อมรวณิชศักดิ์. (2007). ประวัติการเผยแพร่และอิทธิพลของวรรณกรรมพงศาวดารจีนในประเทศไทย (วิทยานิพนธ์มนุษยศาสตร์ดุษฎี). หางโจว: มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง.

หลีปางหนง. (2533). ตำนานเปาบุ้นจิ้น เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม. แปลไทย เรืองชัย รักศรีอักษร. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ยินหยาง.

อภิโชค แซ่โค้ว. (2541). งิ้ว. กรุงเทพฯ: เอส.ที.พี.เวิลด์.

อรอนงค์ อินสะอาด. (2563). การธรงอัตลักษณ์และความทรงจำร่วมจากวรรณกรรมจีนสำหรับ

การแสดงงิ้วแต้จิ๋วในสังคมไทย. วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์. 37(2), 258-278.

Cll. (29 November 2560). การแสดงงิ้วหน้าพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง [วีดีโอ]. ยูทูป. http://youtu.be/5ie_LmTUhfE.

Cll. (5 March 2558). การแสดงงิ้วแต้จิ๋ว เรื่อง เปาบุ้นจิ้น ตอน ประหารราชบุตรเขย [วีดีโอ]. ยูทูป. https://youtu.be/Ym63edAXWA.

Chen Lidan. (2007). The World History of Journalism & Communication. Shanghai: Shanghai Jiao Tong University Press.

Hu Shi. (1989). The collected works of Hu Shi. Volume 6. Shanghai: Shanghai Bookstore Publishing House.

Jin Yong. (2018). Similar in form but different in spirit---The spreading of “The Romance of the Three Kingdoms” From Ancient to Today in Thahiland. Peking: Peking University Press.

Su Mei. (2015). Application of Communication Theory in the Families. Journal of News Research. 6(22), 183-184.

Wang Zhenchun. (2020). The Histories of The Ping Shu Performers. Oneness Magazine. 30, 38-41.

Yan Bo and Meng Zixun. (2021). From History to Legend: The Flux and Causes of the Suspicious Case of Cow Tongue Cutting in The Song Dynasty. Journal of North Minzu University. 3, 94-100.

Yongxing Pan. (2559). เปาเล่งถูกงอั้น: การศึกษาเชิงวิเคราะห์ภาษาและความสัมพันธ์ระหว่างฉบับภาษาไทยกับฉบับภาษาจีน (วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาภาษาไทย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สืบค้นจาก https://portal.lib.ku.ac.th/login url=https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2559/yongxingpan-all.pdf

Zheng Dehua. (2019). A Study of Chinese Dragon Culture: Focusing on the Drunken Dragon Dance in Macau and Other Cases. HongKong: Joint Publishing (Hong Kong) Company Limited.

Zhao Jianguo. (2012). The Human migration and the Communication. Peking: China Social Sciences Press.