ความเป็นมลายูของนักศึกษามลายูมุสลิมไทยในประเทศมาเลเซีย

ผู้แต่ง

  • สุรชัย ไวยวรรณจิตร โรงเรียนเร๊าะห์มานีย๊ะห์
  • สุไรยา หนิเร่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี

คำสำคัญ:

นักศึกษา, มลายู, มาเลเซีย

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ เพื่อทำความเข้าใจและอธิบาย ความหมายความเป็นมลายูของนักศึกษามุสลิมไทยที่ถูกประกอบสร้างในประเทศมาเลเซีย

วิธีการศึกษา ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการศึกษาจากเอกสาร สัมภาษณ์ และสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนักศึกษามลายูมุสลิมจากประเทศไทยที่ไปศึกษาในประเทศมาเลเซียระดับอุดมศึกษา ตั้งแต่สิงหาคม 2558 ถึง มีนาคม 2563  ประกอบด้วยกลุ่มนักศึกษาที่เข้าไปศึกษา ณ University Utara Malaysia (UUM) และ International Islamic University Malaysia (IIUM) มหาวิทยาลัยละ 10 คน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จำนวน 2 คน กงสุลไทยหรือเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในประเทศมาเลเซีย จำนวน 2 คน นักศึกษาไทยที่ไม่ใช่นักศึกษาชาวมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยละ 5 คน นักวิชาการในพื้นที่ ที่สำเร็จการศึกษาจาก University Utara Malaysia (UUM) และ International Islamic University Malaysia IIUM) 4 คน 

ผลการวิจัย พบว่า การแสดงออกซึ่งความเป็นมลายูของนักศึกษา IIUM กับ UUM มีความแตกต่างอย่างเด่นชัด ด้วยข้อค้นพบที่ชี้ให้เห็นว่า IIUM มีชมรมมลายูที่แสดงออกซึ่งความเป็นตัวตนมลายูอย่างชัดเจน เช่น การใช้ภาษาและการแต่งกาย รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ในขณะที่นักศึกษามลายูมุสลิมไทยใน UUM กลับสะท้อนความเป็นไทยมากกว่าความเป็นมลายูในทุก ๆ กิจกรรมที่อธิบายถึงตัวตนความเป็นนักศึกษาไทยในมาเลเซีย เช่น การแสดงออกผ่านกีฬามวยไทย

การนำผลวิจัยไปใช้  ในขณะที่นักศึกษามลายูมุสลิมไทยในประเทศมาเลเซียอีกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ชาวฟาฏอนี” หรือ “กลุ่มนักศึกษามุวัลลัด” มีปฏิสัมพันธ์กับนักศึกษามลายูมุสลิมไทยในพื้นที่ชีวิตของตัวเองผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถใช้ภาษาอาหรับและภาษามลายูในการสื่อสารได้เท่านั้น ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ชีวิตของนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่า “ชาวฟาฏอนี” มิใช่มีเพียงประเด็นทางด้านภาษาในการปรับตัวและต่อรองเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นเรื่องของการสร้างพื้นที่ของตัวตนความเป็นมลายูที่สามารถสื่อสารอย่างเข้าใจได้

เอกสารอ้างอิง

Aimauryut, S. (2016). It is hard to be Melayu. Matichon.

Che Man, W. K. (1990). Muslim Separatism: The Moros of Southern Philippines and the Malays of Southern Thailand. Oxford University Press.

Idris, A. (1995). Tradition & cultural background of the Patani Region, in Volker Grabowskyed). Regions & National Integration in Thailand 1892-1992. Harrassowitz Verlag.

Madmarn, H. (2011). Egypt’s influence on the education of Thai Muslims from The Nasser Era to the present. In Kamaruzzaman Bustamam-Ahmad & Patrick Jory (Eds.), Islamic studies & Islamic education in contemporary Southeast Asia (pp. 29-40). Yayasan Ilmuwan.

Mohamad, M. A. (2013). Be-longing: Fatanis in Makka & Jawi. [Doctoral dissertation, Havard University]. Digital Access to Scholarship at Havard.

Pawakapan, N. (2015). chūan thok chāt læ chāttiphan [Discussion to National and Ethnic]. Siam Pritat.

Prachuabmoh, C. (1980). The role of women in maintaining ethnic identity and boundaries: a case of Thai-Muslims (the Malay speaking group) in southern Thailand. [Doctoral dissertation, University of Hawaii]. WorldCat.

Wisetreecha, B. (2015). Saints and sinners and morals on the road: Homeless life in Manila. Indo-China@Crossroad Southeast Asian Review.

Wisetpricha, B. (2016). “They deserved it”: The “normality” of violence faced by Homeless people in Manila, the Philippines. Journal of Human Rights and Peace Studies, 2(1), 103-140. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/HRPS/article/view/163855

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

07-12-2022

รูปแบบการอ้างอิง

ไวยวรรณจิตร ส., & หนิเร่ ส. . (2022). ความเป็นมลายูของนักศึกษามลายูมุสลิมไทยในประเทศมาเลเซีย. วารสารอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 13(2), 54–80. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JOIS/article/view/261943

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย