ผลการจัดกิจกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกับสถานการณ์จำลอง ที่มีต่อความฉลาดรู้ทางการเงินของเด็กปฐมวัย
คำสำคัญ:
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, สถานการณ์จำลอง, ความฉลาดรู้ทางการเงินบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยแบบทดลองเบื้องต้น (Pre-Experimental Research Design) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) ศึกษากระบวนการจัดกิจกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกับสถานการณ์จำลองที่ส่งผลความฉลาดรู้ทางการเงินของเด็กปฐมวัย และ 2) เปรียบเทียบความฉลาดรู้ทางการเงินของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมฯ กลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กปฐมวัยที่กำลังศึกษาในชั้นอนุบาลปีที่ 3 อายุระหว่าง 5-6 ปี ของโรงเรียนบ้านโคกผักหอม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โดยเป็นเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 13 คน ได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่งผู้วิจัยเป็นครูประจำชั้นและเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรม จำนวน 32 แผน มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( = 4.97, S.D. = 0.13)
2) แบบทดสอบความฉลาดรู้ทางการเงิน จำนวน 45 ข้อ ซึ่งมีค่าความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.80–1.00 สถิติที่ใช้ใน
การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ
ผลการวิจัย พบว่า 1) กระบวนการจัดกิจกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกับสถานการณ์จำลอง
มี 3 ขั้น ได้แก่ 1.1) ขั้นเตรียมการ เป็นการจูงใจให้พร้อมเรียนรู้ 1.2) ขั้นกระบวนการเรียนรู้ มี 3 ขั้นย่อย คือ การมีเหตุผล
การพอประมาณ และการสร้างภูมิคุ้มกันผ่านสถานการณ์จำลอง โดยสถานการณ์จำลอง ประกอบด้วย การเตรียมการ
การนำเสนอสถานการณ์ การเลือกบทบาท การดำเนินกิจกรรม การประยุกต์และนำไปใช้ และ 1.3) ขั้นสรุปและสะท้อนผล
การเรียนรู้ ประกอบด้วย ขั้นสรุป ขั้นสะท้อนผลการเรียนรู้ และ 2) ก่อนการจัดกิจกรรมเด็กปฐมวัยมีความฉลาดรู้ทางการเงิน อยู่ระดับพอใช้ (= 19.23, S.D. = 1.55) และหลังการจัดกิจกรรม อยู่ระดับดีมาก ( = 43.92, S.D. = 4.26) แสดงว่า เด็กปฐมวัยมีความฉลาดรู้ทางการเงินสูงขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กมลชนก สถนธรัตน์. (2562). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทางเศรษฐศาสตร์โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบฉากทัศน์เป็นฐานเพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้การเงินของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. Chula Digiverse. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2019.1437
กาญจนา โอภาส. (2557). การจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและความ
พอประมาณในเด็กปฐมวัย. วารสารการศึกษาและพัฒนา, 9(2), 45–60.
กานต์กมล นาบุญพัฒนา. (2561). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบโครงการผสานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และแบบประเมินการรู้เรื่องการเงินสำหรับเด็กปฐมวัย. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านการศึกษา, 12(2), 45–59.
https://oec.anamai.moph.go.th/th/more-news-php-cid-204-filename-
index/download?id=60112&mid=32938&mkey=m_document&lang=th&did=17856
กองทุนการออมแห่งชาติ. (2563, 15 ตุลาคม). 5 นิสัย ปลูกฝังให้เด็กใช้เงินเป็น. กองทุนการออมแห่งชาติ.
https://www.nsf.or.th/node/967
จิตรลัดดา พันธ์เครือ. (2560, 26 กันยายน). การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบพอเพียงของเด็กปฐมวัย. เครือข่ายการศึกษา
ศธจ.อำนาจเจริญ. http://e-network.amnat-peo.go.th/2017/09/blog-post_79.html?m=0
ทิศนา แขมมณี. (2560). 14 วิธีสอนสำหรับครูมืออาชีพ (พิมพ์ครั้งที่ 12). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิศนา แขมมณี. (2550). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 7). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2566). รายงานประจำปี 2566. ธนาคารแห่งประเทศไทย.
ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2559). รายงานสถานการณ์หนี้ครัวเรือน 2559. ธนาคารแห่งประเทศไทย.
นิตยา อิ่มหิรัญ, ปิยะนันท์ หิรัณย์ชโลทร, และปัทมาวดี เล่ห์มงคล. (2564). ผลการจัดประสบการณ์แบบโครงการที่มีต่อ
การรู้เศรษฐศาสตร์ในเด็กปฐมวัย. วารสารวิจัยทางการศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 14(2), 54–68.
https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jeir/article/view/253684
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2550). ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ. https://www.hss.moph.go.th/fileupload_doc_slider/2016-11-29-609-364.pdf
หฤทัย น้อมระวี และรุ่งลาวัลย์ ละอำคา. (2566). การจัดกิจกรรมเกษตรกรน้อยตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเด็กปฐมวัย. วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์,
(2), 1893–1906. https://so06.tci-thaijo.org/index.php/mcjou/article/view/270507
อินทิรา บุณยาทร. (2542). การใช้สถานการณ์จำลองในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย. วารสารศึกษาศาสตร์, 12(2), 33–48.
อรกช อุดมสาลี. (2557). พฤติกรรมการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการใช้สถานการณ์จำลอง [วิทยานิพนธ์
ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ]. Srinakharinwirot University Institutional Repository. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ear_Chi_Ed/Orakot_U.pdf
Amagir, A., Groot, W., Maassen van den Brink, H., & Wilschut, A. (2017). A review of financial-literacy
education programs for children and adolescents. Citizenship, Social and Economics Education,
(1), 26–39. https://doi.org/10.1177/2047173417719555
Federal Reserve Bank of St. Louis. (2015). Kiddynomics: An economics curriculum for young learners.
Mason, C. L. J., & Wilson, R. M. S. (2000). Conceptualising financial literacy (Business School Research
Series Paper No. 2000:7). Loughborough University.
OECD. (2019). OECD/INFE international survey of adult financial literacy competencies 2019. OECD
Publishing. https://www.oecd.org/content/dam/oecd/en/publications/reports/2023/12/oecd-infe-
-international-survey-of-adult-financial-literacy_8ce94e2c/56003a32-en.pdf
Pennsylvania Department of Education. (2014). Academic standards for economics. Pennsylvania State Board
of Education. https://www.pakeys.org/wp-content/uploads/2018/03/Grade1LearningStandards.pdf
Saputra, J., & Susanti, D. (2021). A study of several financial literacy teaching methods for children.
International Journal of Ethno-Sciences and Education Research, 1(2), 7–10.
https://doi.org/10.46336/ijeer.v1i2.120
Te’eni-Harari, T. (2016). Financial literacy among children: The role of involvement in saving money.
Young Consumers, 17(2), 197–208. https://doi.org/10.1108/YC-01-2016-00579
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว