การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับคะแนนการทดสอบ เรื่อง รูปทรงเรขาคณิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ในปัจจุบัน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มักประสบปัญหาในการทำความเข้าใจเรื่องรูปทรงเรขาคณิต ส่งผลให้ระดับคะแนนการทดสอบยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลจึงเป็นแนวทางที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้สื่อโต้ตอบและเกมการศึกษาเพื่อกระตุ้นความสนใจและเพิ่มความเข้าใจอย่างเป็นระบบ ทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์และเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้อย่างมีประสิทธิผล การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับคะแนนการทดสอบเรื่องรูปทรงเรขาคณิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้จากการใช้แหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับคะแนนการทดสอบเรื่องรูปทรงเรขาคณิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้จากการใช้แหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับคะแนนการทดสอบเรื่องรูปทรงเรขาคณิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 กลุ่มโรงเรียนเครือข่ายบึงสัมพันธ์ จังหวัดปทุมธานี จำนวน 33 คน โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับคะแนนการทดสอบเรื่องรูปทรงเรขาคณิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และแบบทดสอบก่อนและหลังฝึกอบรม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที
ผลการวิจัย: พบว่า 1) แหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มระดับคะแนนการทดสอบเรื่องรูปทรงเรขาคณิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับดี (x ̅ = 4.00, S.D. = 0.59) 2) ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการฝึกอบรมพบว่าค่า t = 4.78 ซึ่งสูงกว่าค่าในตาราง t- distribution 3) ดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้มีค่าเท่ากับ 0.21 หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่ากลุ่มตัวอย่างมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.48 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุปผล: การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ดิจิทัลที่มีคุณภาพช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โดยเฉพาะในวิชาที่ต้องการความเข้าใจเชิงรูปธรรม เช่น รูปทรงเรขาคณิต ผลการศึกษาพบว่าสื่อดิจิทัลสามารถเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้อย่างมีนัยสำคัญ และดัชนีประสิทธิผลชี้ให้เห็นว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การใช้เทคโนโลยี เช่น เกมการศึกษาและกิจกรรมเชิงโต้ตอบ ช่วยกระตุ้นความสนใจและทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น การออกแบบสื่อดิจิทัลที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในยุคดิจิทัล