การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

บทคัดย่อ

          การวิจัยนี้มีจุดประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและธรณีภัยพิบัติ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโคกกกม่วง จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาจากวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงมาตรฐาน ร้อยละ และการทดสอบค่าที

          ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของแผนการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและธรณีภัยพิบัติ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพ มีค่าเท่ากับ 79.72/78.75 สูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพที่กำหนดไว้ คือ 75/75 2) นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและธรณีภัยพิบัติ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนมีค่าเฉลี่ยความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05 3) นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและธรณีภัยพิบัติ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05