การวิเคราะห์นิทานคำสอนของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้ทฤษฎีโครงสร้างนิทานของวลาดิมิร์ พรอพพ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาวิเคราะห์นิทานคำสอนตามทฤษฎีรูปแบบนิยมของวลาดิมิร์ พรอพพ์ (Vladimir Propp)จากนิทานคำสอนของภาคกลางและนิทานคำสอนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบว่ามีโครงสร้างที่เหมือนกันคือ ตัวละครเอก 2 ตัวละครจะแสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกันระหว่างความดีและความชั่ว ในตอนท้ายของเรื่องคนดีจะได้รับผลตอบแทนที่ดี และคนชั่วได้รับผลตอบแทนในทางร้าย นอกจากนี้ยังพบแบบเรื่องที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของตัวละครที่แสดงออกมาซ้ำ ๆ กัน ในนิทานคำสอนของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำแนกได้จำนวน 4 แบบเรื่อง และพบพฤติกรรมของตัวละครในนิทานคำสอนที่แตกต่างจากการจำแนกของพรอพพ์ จำนวน 15 พฤติกรรม นอกจากนี้นิทานคำสอนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีลักษณะเด่นคือการกำหนดเนื้อเรื่องให้ตัวเอกเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้ เพื่อสอนให้กระทำความดีต่อแม่สามีตามฮีตคองของคนอีสาน
Article Details
- ข้อความรู้ใดๆ ตลอดจนข้อคิดเห็นใดๆ เป็นของผู้เขียนแต่ละท่านโดยเฉพาะ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกองบรรณาธิการวารสารมนุษยศาสตร์ฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
- บทความใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์ หากต้องการตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตก่อน
References
ณัฐกานต์ เกาศล. (2545). การเปรียบเทียบนิทานคำสอนของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
วิไลวรรณ วงษ์ฉาย. (2539). การวิเคราะห์โครงสร้างของนิทานเรื่องสัตว์ภาคกลาง. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ธวัช ปุณโณทก. (2544). นิทานพื้นบ้าน. หนังสือชุดภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพ: อักษรเจริญทัศน์.
ศิราพร ณ ถลาง. (2544). ไวยากรณ์ของนิทาน. การศึกษานิทานเชิงโครงสร้าง. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
________. (2552). (พิมพ์ครั้งที่ 2). ทฤษฎีคติชนวิทยา วิธีวิทยาในการวิเคราะห์ตำนาน-นิทานพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำลี รักสุทธิ. (2542). นิทานพื้นบ้านอีสานและตำนานการก่อตั้งจังหวัด. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา.
เสาวลักษณ์ อนันตศานต์. (2543). ทฤษฎีคติชนและวิธีการศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
________. (2545). เรื่องเล่าร้อยแก้วของไทย. เอกสารประกอบการศึกษาวิชา เรื่องเล่าร้อยแก้วของไทย (TS 653) ระดับบัณฑิตศึกษา สาขาไทยศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.