ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดกับการบริหารความเครียดของบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข กรณีศึกษากองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
The relationship between of stress factors and stress management of personnel in the Ministry of Public Health, Case study: Health Administration Division Office of the Permanent Secretary, Ministry of Public Health
คำสำคัญ:
ความเครียด, การบริหารความเครียด, กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดของบุคลากรของกองบริหารการสาธารณสุข 2) เพื่อศึกษาวิธีการบริหารความเครียดของบุคลากรกองบริหารการสาธารณสุข และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดกับวิธีการบริหารความเครียดของบุคลากรกองบริหารการสาธารณสุข โดยจำแนกตามคุณลักษณะด้านประชากรศาสตร์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือแบบสอบถามซึ่งมีความเที่ยงตรง 0.84 และความเชื่อมั่น 0.86
กลุ่มตัวอย่างคือบุคลากรในกองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 211 คน สถิติที่ใช้ในวิเคราะห์เชิงพรรณนาได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมุติฐานใช้การเปรียบเทียบค่า t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
(One-way ANOVA) มีการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD (Least Significant Difference)
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดในการทำงานในภาพรวมมีความเครียดระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยเกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างบุคคลมีระดับความเป็นจริงมากที่สุดในการก่อให้เกิดความเครียด รองลงมา ได้แก่ ปัจจัยเกี่ยวกับลักษณะงาน ปัจจัยเกี่ยวกับลักษณะองค์กร ปัจจัยเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ในองค์กร และปัจจัยเกี่ยวกับการพัฒนาทางอาชีพ ตามลำดับ การบริหารความเครียดในการทำงานพบว่า วิธีการผ่อนคลายความเครียดมีระดับความคิดเห็นมากที่สุด การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด พบว่า บทบาทหน้าที่ในองค์กรมีความสัมพันธ์สูงสุด
เอกสารอ้างอิง
กองบริหารการสาธารณสุข. (2563). ข้อมูลงานการเจ้าหน้าที่:ทะเบียนบุคลากร 2563. สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
ณรงค์กร ชัยวงศ์. (2561). การศึกษาความเครียด สาเหตุความเครียด ของนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์. (วิทยานิพนธ์). บุรีรัมย์. มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
ธารารัตน์ ชิ้นทอง. (2554). การศึกษาความเครียดในการปฏิบัติงานและกลวิธีในการเผชิญความเครียดของพนักงานระดับ หัวหน้างานธนาคารไทยธนาคารจำกัดมหาชน.วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร.
ปาณิภา เสียงเพราะ, ทัศนีย์ รวิวรกุล และอรวรรณ แก้วบุญชู. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดจากการทำงานของพยาบาล ในโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคมะเร็ง เขตภาคกลาง. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
วัชรัตน์ หลิมรัตน์. (2557). ความเครียด. ศูนย์แพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 10(1), หน้า 41-46.
วัชรี ไชยจันดี. (2561). ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับความเครียดในการสอนภาคปฏิบัติของอาจารย์นิเทศ วิทยาลัยพยาบาล สังกัดพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา,บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร.
สิริทรัพย์ สีหะวงษ์ และคณะ. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. วารสาร มฉก.วิชาการ, 21(42): 93 -106.
อรุณี จิระกรานนท์. (2555). ปัจจัยจากการปฏิบัติงานที่ก่อให้เกิดความเครียดกับพยาบาล : กรณีศึกษาศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิล สาขาจิตวิทยาคลินิกบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Gilmer. Van Haller B.; et al. (1966). Industrial Psychology. New York: McGraw – Hill Book co.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์