ความต้องการใช้ระบบการระบุตําแหน่งในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการ ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
Demand for Using the Global Positioning System for Transportation of Entrepreneurs in the Lat Krabang Industrial Estate
คำสำคัญ:
ระบบการระบุตําแหน่งบนพื้นโลก, การขนส่ง, ความต้องการบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความต้องการใช้บริการระบบการระบุตำแหน่ง บนพื้นโลกในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และศึกษาระดับความสำคัญของปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้ใช้บริการระบบการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จำนวน 256 บริษัท เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และวิเคราะห์ความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธี Scheffe Analysis ผลการศึกษาพบว่า
ระดับความต้องการใช้บริการระบบการะบุตำแหน่งบนพื้นโลกในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยภาพรวมมีความต้องการใช้บริการอยู่ในระดับมาก ส่วนความสำคัญของปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการระบบการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยภาพรวมปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการะบบการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกมีความสำคัญระดับปานกลาง
การวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของความต้องการใช้ระบบการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม ระดับทุนจดทะเบียน และกิจกรรมหลักขององค์กร พบว่า บริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน มีความต้องการใช้ระบบการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกไม่แตกต่าง
กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 บริษัทที่มีระดับทุนจดทะเบียน และบริษัทของกลุ่มตัวอย่างที่มีกิจกรรมหลักในองค์กรที่แตกต่างกัน มีความต้องการใช้ระบบการระบุตำแหน่งบนพื้นโลกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
การวิเคราะห์เปรียบเทียบปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้ผู้ให้บริการระบบการบอกตำแหน่งบนพื้นโลกของผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมและตามกิจกรรมหลักขององค์กรพบว่าไม่แตกต่างกัน เมื่อจำแนกตามระดับทุนจดทะเบียนมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
เอกสารอ้างอิง
กุลปริยา นกดี.(2557).การยอมรับเทคโนโลยี GPS Tracking ของบริษัท พี.ที. ทรานส์ เอ็กซ์เพรสจำกัด. สารนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2557). การวิเคราะห์สถิติขั้นสูงด้วย SPSS for windows (พิมพ์ครั้งที่ 14). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สามลดา
ฐิตารีย์ ขำทับทิม (2550).การศึกษาความต้องการและปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคลที่สาม กรณีศึกษาผู้ประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง. สารนิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร.
จรรยา กรโกษา.(2557). ศึกษาการนำเทคโนโลยี GPS มาประยุกต์ใช้ของผู้ประกอบการขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับธุรกิจการขนส่งสินค้าระบบ Milk Run.ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา
ธานินทร์ ศิลป์จารุ (2548). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS. พิมพ์ครั้งที่ 5.กรุงเทพฯ : บริษัท วี อินเตอร์ พริ้นท์ จำกัด.
บุญทรัพย์ พานิชการและคณะ. (2549). ผู้นำในการจัดการโลจิสติกส์. Inter transport Logistics, กรุงเทพฯ, หน้า 103-106
วัชรา วัชรเถียร (2539). ธุรกิจบริการ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
วรพล ปัญจศรีประการ. (2553). ปัจจัยการยอมรับการนาเอาระบบติดตามรถยนต์ GPS มาใช้ร่วมกับบริษัทประกันภัย (การศึกษาค้นคว้าอิสระมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ). สืบค้นจาก http://digi.library.tu.ac.th/ thesis/it/0919/title-biography.pdf
รุ้งลาวัลย์ การอง และ วศิณ ชูประยูร. (2561). การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกส์พหุกลุ่มเพื่อพัฒนาตัวแบบอิทธิพลการยอมรับและใช้เทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก (จีพีเอส) ในกระบวนการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในราชอาณาจักรไทย.รังสิตสารสนเทศ ปีที่24 ฉบับที่1 มกราคม – มิถุนายน 2561 หน้า 94-112.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2534). องค์การและการจัดการ. กรุงเทพฯ : บ้าเสรีรัตน์.
อภิวิชย์ กัมมารังกูร .(online).ศึกษาความพึงพอใจต่อระบบติดตามรถ (GPS Tracking)ของผู้ประกอบการด้านโลจิสตกส์. สืบค้นจาก http://www.mbainnovationram.com/pdf/5814980023.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์