การส่งเสริมประเพณีและพิธีกรรมการบวชบูชาพระบรมธาตุเจดีย์บนฐานราก ของความเชื่อท้องถิ่นสยามไทยใต้เพื่อหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช

Main Article Content

พระครูโสภณพัฒนบัณฑิต (สมปอง นุ่นนุ่ม)
พระวัชรพุทธิบัณฑิต (ปรีดา บัวเมือง)
พระครูโสภณรัตนบัณฑิต (เทพรัตน์ เรืองศรี)

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ส่งเสริมประเพณีและพิธีกรรมการบวชบูชาพระบรมธาตุเจดีย์บนฐานรากของความเชื่อท้องถิ่นสยามไทยใต้ เพื่อหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช และ 2) สร้างภาคีเครือข่ายการส่งเสริมประเพณีและพิธีกรรมการบวชบูชาพระบรมธาตุเจดีย์บนฐานรากของความเชื่อท้องถิ่นสยามไทยใต้ เพื่อหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการเก็บข้อมูล โดยการสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการสัมภาษณ์เชิงลึก กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ และการสนทนากลุ่มย่อย จากนั้นเรียบเรียงข้อมูลตามหลักการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) การส่งเสริมประเพณีและพิธีกรรมการบวชบูชาพระบรมธาตุเจดีย์บนฐานรากของความเชื่อท้องถิ่นสยามไทยใต้ เป็นการทดแทนคุณบิดามารดา พัฒนาอุปนิสัย สืบทอดพระพุทธศาสนา สืบสานประเพณี และสร้างกุศลแก้กรรม ช่วยหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย การสร้างความตระหนัก, การมีส่วนร่วมของชุมชน, การถ่ายทอดความรู้ และการวางแผนพัฒนา โดยใช้วิธีการจัดประเพณีเป็นหลักสูตรระยะสั้น การจัดในวันสำคัญ และการร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และ 2) การสร้างภาคีเครือข่ายการส่งเสริมการบวชบูชาพระบรมธาตุเจดีย์และเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราชมีการขับเคลื่อนกิจกรรมโดยใช้ “SOMPONG MODEL” ผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์สถานการณ์ (S : SWOT), การบริหารจัดการ (O : Organization and Obvious), การทำ MOU (MOU : Memorandum of Understanding), การมีส่วนร่วมของชุมชน (P : Participation and Perfect Point), พิธีการบวช (O : Ordination ceremony), การประสานเครือข่าย (N : Network), และการอบรมผู้บวชใหม่ตามหลักสูตรระยะสั้น (G : Graduated)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
(สมปอง นุ่นนุ่ม) พ., (ปรีดา บัวเมือง) พ., & (เทพรัตน์ เรืองศรี) พ. (2025). การส่งเสริมประเพณีและพิธีกรรมการบวชบูชาพระบรมธาตุเจดีย์บนฐานราก ของความเชื่อท้องถิ่นสยามไทยใต้เพื่อหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 12(7), 259–269. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/291179
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ธนิก เลิศชาญฤทธิ์. (2552). การจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร: คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.

นิธิภัทร บาลศิริ. (2559). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบมีส่วนร่วมเพื่อการอนุรักษ์และสืบทอดวิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น และอัตลักษณ์ชุมชนมอญบางกระดี่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร. ใน รายงานวิจัย. มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี.

ปรีชา นุ่นสุข และวิรัตน์ ธีระกุล. (2531). พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชกับศิลปวัฒนธรรมและสังคมนครศรีธรรมราช. รายงานการสัมมนาประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช ครั้งที่ 4 ศิลปวัฒนธรรมกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของนครศรีธรรมราช. กรุงเทพมหานคร: รุ่งศิลป์การพิมพ์.

พระครูปลัดเอกพัน สิริวณฺณเมธี (อินจันทึก). (2564). เหตุปัจจัยแห่งความเสื่อมในปาสาทิกสูตร. วารสารเสฏฐวิทย์ปริทัศน์, 1(2), 53- 64.

พระครูวิจิตรพิพัฒนโกศล (สุเวศน์ หอมนาน) และคณะ. (2565). รูปแบบการส่งเสริมประเพณีทางพระพุทธศาสนาของชาวไทลื้อ. วารสารบัณฑิตแสงโคมคำ, 7(2), 366-372.

พระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ). (2555). เมื่อเราบวช. ชลบุรี: ประยูรวงศ์พริ้นติ้ง จำกัด.

พระมหาทวี บุญทะมาตร์ และคณะ. (2562). แนวทางการแก้ไขปัญหาการบวช: การปะทะกันระหว่างคุณค่าเชิงวัฒนธรรมไทยกับคุณค่าใหม่ในสังคมปัจจุบัน. วารสาร มจร การพัฒนาสังคม, 4(1), 120-134.

พระมหาประทิ่น ทองน้ำแก้ว และคณะ. (2561). คติความเชื่อของประชาชนในการสักการบูชาพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร, 9(2), 11-23.

พระมหาพชร กิตฺติวรเมธี. (2564). การพัฒนาสังคมโดยใช้หลักความเชื่อด้านพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 8(7), 40-49.

สันติ อุนจะนำ. (2561). ปริศนาธรรมและความเชื่อที่เกี่ยวกับพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 5(3), 973-994.

อธิราชย์ นันขันตีด. (2558). การนับถือผีของชาวไทยย้อ: ความสัมพันธ์ด้านความเชื่อและนิเวศวิทยาวัฒนธรรม. ใน ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาไทยศึกษา. มหาวิทยาลัยบูรพา.

อรุณ รอดประดิษฐ์. (2561). คติความเชื่อของประชาชนในการสักการบูชาพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร, 9(2), 21-31.

Starkey, P. (1997). Networking for Development. London: The International Forum for Rural Transport and Development.