การพัฒนาแนวปฏิบัติการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้ปกครองเด็กที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแนวปฏิบัติในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2) ศึกษาประสิทธิผลแนวปฏิบัติในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้ปกครองเด็กที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยการวิจัยและพัฒนาที่โรงพยาบาลเกาะสมุย กลุ่มตัวอย่าง คือ 1) พยาบาลผู้พัฒนาแนวปฏิบัติ จำนวน 5 คน 2) ผู้ปกครองที่ดูแลเด็กติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 60 คน และ 3) พยาบาลผู้ดูแลเด็กติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 105 คน เครื่องมือที่ใช้วิจัย คือ 1) แนวปฏิบัติการพยาบาลเด็กติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับพยาบาล 2) แบบสอบถามความรู้ การปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้ปกครอง 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติ สำหรับพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูล
โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ Paired t - test ผลการวิจัย พบว่า แนวปฏิบัติในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คือ 1) การดูแลระยะแรกรับ 2) การดูแลขณะพักตัวในห้องแยกโรค และ 3) การดูแลเมื่อกลับไปกักตัวต่อที่บ้าน ผลการใช้พบว่า แนวปฏิบัติดังกล่าว ทำให้ผู้ปกครองเด็กมีความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการปฏิบัติในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
(P - value < 0.05) และในภาพรวม พยาบาลร้อยละ 57.1 มีความพึงพอใจในระดับมาก รองลงมา ร้อยละ 42.9 พึงพอใจระดับปานกลาง ดังนั้น ควรนำแนวปฏิบัติในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นี้ ไปใช้ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย และขยายไปใช้ที่โรงพยาบาลอื่น ๆ ต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2563). องค์ความรู้การดูแลสุขภาพใจในสถานการณ์การระบาด โควิด-19 “ใจพร้อม ไม่ยอมป่วย”. เรียกใช้เมื่อ 15 มิถุนายน 2566 จาก https://dmh-elibrary.org/items/show/318
กระทรวงสาธารณสุข. (2566). อัตราป่วยตายของเด็กอายุ 0 - 15 ปี ที่ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปีงบประมาณ 2565. เรียกใช้เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2566 จาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc /reports/
กฤดิญาดา เกื้อวงศ์. (2563). แนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเด็ก. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 43(4), 1 - 11.
กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางการดำเนินการเรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับสถานประกอบการ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
จุรีรัตน์ ฐิตวังโส. (2562). การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อใน รพ.สต.จังหวัดพังงา. วารสารสุขภาพภาคประชาชนภาคใต้, 2(1), 21 - 30.
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. (2563). "ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019". เรียกใช้เมื่อ 15 มิถุนายน 2566 จาก https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/ article_files/1410_1.pdf
เยาวลักษณ์ ชาวบ้านโพธิ์. (2564). บทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการป้องกันการระบาดโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 4(1), 44 - 57.
โรงพยาบาลเกาะสมุย. (2565). จำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรงพยาบาลเกาะสมุย. สุราษฎร์ธานี: โรงพยาบาลเกาะสมุย.
วิทยา ชินบุตร และนภัทร ภักดีสรวิชญ์. (2564). บทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการป้องกันการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามนโยบายรัฐบาล อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 6(2), 305 - 318.
เสน่ห์ เจียสกุล. (2564). เด็กกับโรคโควิด - 19. เรียกใช้เมื่อ 15 สิงหาคม 2565 จาก https://www. samitivej hospitals.com/th/article/detail/
อรุณ จิรวัฒน์กุล. (2550). ชีวสถิติ. (พิมพ์ครั้งที่ 4). ขอนแก่น: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Broder, et al. (2017). Health literacy in childhood and youth: A systematic review of definitions and models. BMC Public Health, 17(1), 361 - 371.
Dey, K. P., & Hariharan, S. (2006). Integrated approach to healthcare Quality management: A case study. The TQM Magazine, 18(6), 583 - 605.