ปัจจัยเชิงสาเหตุและแนวทางป้องกันพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อการใช้โทรศัพท์มือถือของนักศึกษาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ยโสธร เพื่อการครองตนตามหลักพระพุทธศาสนา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุและแนวทางป้องกันพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อการใช้โทรศัพท์มือถือของนักศึกษาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ยโสธร เพื่อการครองตนตามหลักพระพุทธศาสนา โดยมุ่งเน้นที่การคาดหวังต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ การรับรู้ การเรียนรู้และ การยอมรับต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ และทัศนคติต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มนักศึกษาระปริญญาตรีจาก 3 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาศาสนาและปรัชญา สาขาวิชาการสอนภาษาไทย และสาขาวิชาการปกครอง จำนวน 400 รูป/คน การทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ จำนวน 30 รูป/คน ตามแนวคิดและกระบวนวิธีของครอนบัค (Cronbach) ได้ค่าความเชื่อถือเท่ากับ 0.89 มีความน่าเชื่อถือในระดับสูง สถิติที่วิเคราะห์ผล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (Multiple Regression Analysis) โดยประมวลผลข้อมูลจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติ
ผลการวิจัยพบว่า
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 18-25 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่ทำงานในท้องถิ่นและมีรายได้ประจำ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,100-20,000 บาท การคาดหวังต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือมีความสำคัญอยู่ในระดับมาก การรับรู้ การเรียนรู้ และการยอมรับต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีความสำคัญอยู่ในระดับมาก ทัศนคติต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีความสำคัญอยู่ในระดับมาก และพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มีความสำคัญอยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมุติฐาน พบว่า ปัจจัยเชิงสาเหตุในการใช้โทรศัพท์มือถือ ได้แก่ การคาดหวัง การรับรู้ การเรียนรู้ การยอมรับ และทัศนคติต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ทางโทรศัพท์ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ของนักศึกษาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ยโสธร มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับรูปแบบการครองตนตามหลักธรรมในพุทธศาสนา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เกวรินทร์ ละเอียดดีนันท์. (2557). การยอมรับเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคทางออนไลน์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร. ใน วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธรุกิจ. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
ดวงดาว ทองผ่อง. (2545). สภาพและปัญหาการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดสำนักงานการประถมศึกษากรุงเทพมหานคร. ใน วิทยานิพนธ์การศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวทิยาลยัศรีนครินทรวิโรฒ.
ปณิชา นิติพรมงคล และคณะ. (2555). ครือข่ายสังคมออนไลน์: แนวโน้ม ปรากฏการณ์ และจริยธรรม. วารสารมนุษย์ศาสตร์ , 24(46), 101-117.
พัชรภรณ์ ไกรชุมพล. (2555). ทัศนคติและพฤติกรรมการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ในการสร้างชื่อเสียง : กรณีศึกษายูทูบ (YouTube). ใน วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารสื่อสารมวลชน. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วีรวรรณ แซ่จ่าว. (2557). อิทธิพลของทัศนคติและความพึงพอใจในการเปิดรับข่าวสารจากสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตที่มีต่อพฤติกรรมการตัดสินใจวางแผนการท่องเที่ยว. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
อัครเดช ปิ่นสุข. (2557). การยอมรับเทคโนโลยีสารสนเทศ คุณภาพการบริการอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประสมการตลาดในมุมมองของลูกค้าที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ (E-satisfaction)ในการจองตั๋วภาพยนตร์ออนไลน์ผ่านระบบแอพพลิเคชั่นของผู้ใช้บริการในจังหวัดกรุงเทพมหานคร. ใน วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
อารี ลือกลาง. (2555). ระดับความพึงพอใจและความคาดหวังในการให้บริการของบุคลากรกองประปาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดนครราชสีมา. ใน วิทยานิพนธ์วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
เอมิกา เหมมินทร์. (2556). พฤติกรรมการใช้และความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่ได้จากการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, 9-10(16-17),120-140.
Lind, D.A. Marchal W.G. & Wathen S.A. (2010). Statistical techniques in business &economics (14th ed.). Boston USA: McGraw-Hill & Irwin.