รูปแบบการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นเลิศ สำหรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศ พัฒนาและประเมินรูปแบบการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศ สำหรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รูปแบบการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 การศึกษาแนวทางการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศ โดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน ด้วยการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า แนวทาง การบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศมี 9 ด้าน คือ 1) ด้านบัณฑิตมีคุณภาพเป็นเลิศมี 7 คุณลักษณะ 2) ด้านหลักสูตรมี 11 แนวทาง 3) ด้านอาจารย์ผู้สอนมี 11 แนวทาง 4) ด้านการจัดการเรียนการสอนมี 12 แนวทาง 5) ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกการเรียนการสอนมี 8 แนวทาง 6) ด้านการวัดและประเมินมี 7 แนวทาง 7) ด้านนักศึกษามี 10 แนวทาง 8) ด้านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพมี 5 แนวทาง และ 9) ด้านการประกันคุณภาพมี 3 แนวทาง
ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศผู้วิจัยใช้เทคนิคเดลฟายประยุกต์ 3 รอบ แหล่งข้อมูลเป็นผู้เชี่ยวชาญ 20 คน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศมี 9 ด้านเช่นเดียวกันคือ 1) ด้านบัณฑิตมีคุณภาพเป็นเลิศมี 6 คุณลักษณะ 2) ด้านหลักสูตรมี 10 แนวทาง 3) ด้านอาจารย์ผู้สอนมี 17 แนวทาง 4) ด้านการจัดการเรียนการสอนมี 7 แนวทาง 5) ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกการเรียนการสอนมี 9 แนวทาง 6) ด้านการวัดและประเมินมี 7 แนวทาง 7) ด้านนักศึกษามี 13 แนวทาง 8) ด้านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพมี 6 แนวทาง และ 9) ด้านการประกันคุณภาพมี 3 แนวทาง
ระยะที่ 3 การประเมินรูปแบบการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศที่พัฒนาขึ้น ผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 220 คน เลือกโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลทางไปรษณีย์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสถิติสำเร็จรูปสำหรับสังคมศาสตร์ หาค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการบริหารงานวิชาการในมหาวิทยาลัยให้มีความเป็นเลิศที่พัฒนาขึ้น มีความเป็นประโยชน์โดยรวมและความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีความเป็นไปได้และความสอดคล้องโดยรวมอยู่ในระดับมาก
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กรมอุดมศึกษา. (2554). ข้อตกลงว่าด้วยมาตรฐานหลักสูตรแห่งชาติ ระดับอนุปริญญา และระดับปริญญาตรี. นครหลวงเวียงจันทน์: สะพานทอง.
กรมอุดมศึกษา. (2558). ดำรัสว่าด้วยการศึกษาชั้นสูง เลขที่ 177/ ลบ. กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา. นครหลวงเวียงจันทน์: สะพานทอง.
กันต์ฤทัย คลังพหล. (2561). การประเมินผลหลักสูตรการศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์, 8(3), 87-100.
ประกอบ คุปรัตน์. (2546). รูปแบบการบริหารงานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วารสารวิธีวิทยาการวิจัย, 16(4), 679-684.
เริงจิตร กลันทปุระ. (2540). รูปแบบการบริหารมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาล. ใน ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและการจัดการการศึกษา. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สภาแห่งชาติ. (2546). รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ฉบับปรับปรุง). นครหลวงเวียงจันทน์: สภาแห่งชาติ.
สำนักมาตรฐานและประเมินผลอุดมศึกษา. (2560). เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2558 และเกณฑ์มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง. กรุงเทพมหานคร: วงศ์สว่างพับลิชชิ่ง แอนด์ พริ้นติ้ง.
Guskey T. R. (2000). Evaluating Professional Development. California: Corwin.