ภาพสะท้อนเพลงลากพระวัดประทุมทายการาม อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพสะท้อนสังคมและวัฒนธรรมผ่านเพลงลากพระของวัดประทุมทายการาม อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ผลการศึกษาพบว่าเพลงลากพระที่มีการขับร้องในประเพณีลากพระของอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะการแต่งคล้ายที่ใช้ในการละเล่นของเด็ก มีการใช้ภาษาถิ่นและสอดแทรกอารมณ์ขันเพื่อสะท้อนให้เห็นตัวตนของคนในพื้นที่ เพลงลากพระของอำเภอ สิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนในชุมชนจึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงภาพสะท้อนทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ การสร้างปฏิสัมพันธ์และความสามัคคีของคนในชุมชน วิถีชาวพุทธแบบพื้นบ้านท้องถิ่นภาคใต้ และวิถีวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านภาคใต้ อีกทั้งเพลงลากพระยังมีบทบาทต่อชุมชนตามทฤษฎีบทบาทหน้าที่ คือบทบาทในการอธิบายที่มาและเหตุผลในการประกอบพิธีกรรม บทบาทในการศึกษาในสังคมที่ใช้ประเพณีบอกเล่า บทบาทในการรักษามาตรฐานทางพฤติกรรมที่เป็นแบบแผนของสังคม และบทบาทในการให้ความเพลิดเพลินและเป็นทางออกให้กับความคับข้องใจ
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เจตนา นาควัชระ. (2542). ทฤษฎีเบื้องต้นแห่งวรรณคดี. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: ศยาม.
บุญเสริม แก้วพรหม. (18 มีนาคม 2562). ประเพณีลากพระ. (มณีรัตน์ กำลังเกื้อ, ผู้สัมภาษณ์)
ปัทมา เยี่ยมเวช. (28 ตุลาคม 2561). เพลงลากพระ. (มณีรัตน์ กำลังเกื้อ, ผู้สัมภาษณ์)
ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพมหานคร: ราชบัณฑิตยสถาน.
วรินทร์ เยี่ยมเวช. (28 ตุลาคม 2561). เพลงลากพระ. (มณีรัตน์ กำลังเกื้อ, ผู้สัมภาษณ์)
วิทวัส ยุทธพงศ์. (28 ตุลาคม 2561). ประเพณีลากพระ. (มณีรัตน์ กำลังเกื้อ, ผู้สัมภาษณ์)
ส่งสุข ภาแก้ว. (2546). วิเคราะห์แนวคิดทางสังคมและวัฒนธรรมในวรรณกรรมเพลงของชินกร ไกรลาส. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สมใจ สมคิด. (18 มีนาคม 2562). ประเพณีลากพระ. (มณีรัตน์ กำลังเกื้อ, ผู้สัมภาษณ์)
สมปอง มุกดารัตน์. (2554). สีสันของความศรัทธา: เรือพระโคกโพธิ์ในปัจจุบัน. วารสารรูสมิแล, 32(3), 57-64.
อมร พุทธานุ. (2549). เพลงพื้นบ้าน กรณีศึกษา ตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร. ใน วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาดนตรี. มหาวิทยาลัยมหิดล.
William Bascom. (1954). Four functions of folklore. Journal of American Folklore, 67(266), 333-349.