โมเดลพลังอำนาจในตนเชิงพุทธที่ส่งผลต่อการเผชิญปัญหาและอุปสรรค ของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของดุษฎีนิพนธ์ เรื่อง “โมเดลพลังอำนาจในตนเชิงพุทธที่ส่งผลต่อการเผชิญปัญหาและอุปสรรคของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ”มีวัตถุประสงค์1) เพื่อสร้างโมเดลพลังอำนาจในตนเชิงพุทธที่ส่งผลต่อการเผชิญปัญหาและอุปสรรคของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 2) ศึกษาประสิทธิผลของโมเดลพลังอำนาจในตนเชิงพุทธที่ส่งผลต่อการเผชิญปัญหาและอุปสรรคของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนามีขั้นตอนการวิจัย 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การสร้างโมเดล 2) การศึกษาผลการใช้โมเดล โดยวัดความสามารถในการเผชิญปัญหาและอุปสรรค กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงที่ถูกล่วงละมิดทางเพศจำนวน 14 ราย แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 7 คนและกลุ่มทดลอง 7 คน โดยใช้แบบแผนการทดลองสองกลุ่มทดสอบก่อนและหลังการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการทดสอบของวิลคอกซันและการทดสอบของ ครัสคาลและวัลลิส
ผลการวิจัยพบว่า
1) โมเดลพลังอำนาจในตนเชิงพุทธที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี 5 องค์ประกอบ คือ หลักการและแนวคิด วัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระ ขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนและการวัดประเมินผล โดยมี 6 ขั้นตอนการเรียนการสอนได้แก่ (1) การเผชิญปัญหาและอุปสรรค (2) การวางแผนกำหนดเป้าหมาย (3) การปฏิบัติการแก้ปัญหา (4) การรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุป (5) การประเมินและปรับปรุง (6) รู้ค่าและเสริมพลัง
2) ผลการศึกษาความสามารถในการเผชิญปัญหาและอุปสรรคของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ พบว่า (1) ความสามารถในการเผชิญปัญหาและอุปสรรคของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดกลุ่มทดลอง หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) ภายหลังการทดลอง ผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดกลุ่มทดลองมีคะแนนจากแบบวัดความสามารถในการเผชิญปัญหาและอุปสรรคสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3) องค์ความรู้ใหม่ ได้แก่ การสอดแทรกหลักทางพุทธศาสนาในสร้างโมเดลพลังอำนาจในตน เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการพัฒนาพฤติกรรมและเจตคติ ด้วยหลักการให้คำปรึกษาเชิงพุทธที่ส่งผลให้สามารถเผชิญปัญหาและอุปสรรค และช่วยฟื้นฟูเสริมสร้างความสามารถด้วยการฝึกสติและฝึกความอดทนและการปรับความสมดุลชีวิต โดยเน้นในด้านการพัฒนาจิตใจส่งผลถึงการพัฒนาพฤติกรรม
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เกริกวิช บุญรักษา. (2551). ความสามารถในการเผชิญและฝ่าฟันอุปสรรคของนักกีฬาฟุตบอลชาย ผู้สังกัดทีมและผู้ไม่สังกัดทีม. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร สาขาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
นันทิยา วชิรลาภไพฑูรย์. (2547). การเพิ่มระดับความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค โดยการเรียนรู้พฤติกรรมการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค : กรณีศึกษาเยาวชนกระทำผิดชาย. ใน วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะศิลปศาสตร. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ภัทรพร สิริกาญจน และคณะ. (2546). การประยุกต์ศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิต ความรู้พื้นฐานทางศาสนา พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มาลี จฑา. (2544). การประยุกต์จิตวิทยาเพื่อการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร: อักษราพิพัฒน์.
วีระวัฒน์ ปันนิตามัย. (2551). เชาวน์อารมณ์ ดัชนีเพื่อความสุขและความสำเร็จของชีวิต ฉบับปรับปรุงเพิ่มเอคิวและอีคิว พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา . (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579. เรียกใช้เมื่อ 1 ธันวาคม 2560 จาก www.moe.go.th/moe/th/news/ detail.php?NewsID = 47936&Key=news20
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). ข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561). กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2553). แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. 2552-2559). กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จํากัด.
สุธิดา พลชำนิ. (2555). การสร้างเสริมความสามารถในการเผชิญอุปสรรคของนิสิตนักศึกษาไทย. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิจัยอุดมศึกษา คณะครุศาสตร์ . จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.