การพัฒนาตัวชี้วัดธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาท สำหรับบริหารวัด

Main Article Content

พระมหาวสันต์ ญาณสิทฺธิ
พระมหามิตร ฐิตปญฺโญ

บทคัดย่อ

การศึกษา “การพัฒนาตัวชี้วัดหลักธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาทสำหรับบริหารวัด” มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารวัดในพื้นที่ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา กลุ่ม 4 2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบตัวชี้วัดธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาทสำหรับการบริหารวัด และ 3) เพื่อพัฒนาตัวชี้วัดธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาทสำหรับบริหารวัด เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 11 วัดในพื้นที่ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา กลุ่ม 4 ได้แก่พื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ พิมาย จักราช ห้วยแถลง เฉลิมพระเกียรติ ชุมพวง เมืองยาง และลำทะเมนชัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive analysis)


          ผลการศึกษาพบว่า


  1. การบริหารวัดในพื้นที่ปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา กลุ่ม 4 นอกจากจะยึดหลักพระธรรมวินัยเป็นหลักแล้ว ยังต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายบ้านเมืองและกฎหมายคณะสงฆ์ และจารีตของคณะสงฆ์ รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมไทย โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารวัดตามกฎหมาย และมีคณะกรรมการวัดช่วยในการบริหารงาน ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารวัด ภารกิจของวัดต่างจากอดีตที่มีเฉพาะงานด้านการปกครองและการศาสนศึกษา ปัจจุบันวัดต้องดำเนินภารกิจทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ งานปกครอง งานเผยแผ่ งานศาสนศึกษา งานสาธารณูปการ งานศึกษาสงเคราะห์ และงานสาธารณสงเคราะห์ (หรือ 4 งานหลัก 2 งานรอง)

  2. ผลการศึกษาองค์ประกอบธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาทสำหรับบริหารวัด พบว่า งานปกครอง มีองค์ประกอบ 18 ข้อ, งานเผยแผ่มีองค์ประกอบ 12 ข้อ งานศาสนศึกษา มีองค์ประกอบ 13 ข้อ งานสาธารณูปการมีองค์ประกอบ 13 ข้อ งานศึกษาสงเคราะห์ มีองค์ประกอบ 12 ข้อ และงานสาธารณสงเคราะห์ มีองค์ประกอบ 13 ข้อ

  3. ผลการพัฒนาตัวชี้วัดธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาทสำหรับบริหารวัด พบว่า งานปกครอง มีตัวชี้วัด 30 ข้อ งานเผยแผ่มีตัวชี้วัด 30 ข้อ งานศาสนศึกษา มีตัวชี้วัด 30 ข้อ, งานสาธารณูปการมีตัวชี้วัด 30 ข้อ งานศึกษาสงเคราะห์ มีตัวชี้วัด 30 ข้อ และงาน สาธารณสงเคราะห์ มีตัวชี้วัด 30 ข้อ

          ตัวชี้วัดธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาทสำหรับบริหารวัดสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลสากล แต่ละด้านมีลักษณะยึดโยงกันเป็นตาข่าย เนื่องจากตัวชี้วัดในแต่ละด้านมีลักษณะตรวจสอบไปยังด้านอื่นด้วย เช่น ในด้านการปกครองที่มีตัวชี้วัดให้มีการบริหารโดยคณะกรรมการ ตัวชี้วัดนี้ก็ตรวจสอบในด้านความโปร่งใสด้วย เพราะการบริหารที่มีความโปร่งใสก็ต้องมีการบริหารโดยรูปแบบคณะกรรมการ เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมให้หลักพระธรรมวินัยเด่นขึ้น จากเดิมที่พระธรรมวินัยถูกมองเป็นเรื่องปัจเจกหรือการปฏิบัติส่วนบุคคล แต่เมื่อบูรณาการกับการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล พระธรรมวินัยก็มีฐานะเป็นกระบวนการ(process) หรือระบบการบริหาร (system) และเป็นการพัฒนาการบริหารไปสู่ความยั่งยืน (Sustainable Development)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ญาณสิทฺธิ พ., & ฐิตปญฺโญ พ. (2019). การพัฒนาตัวชี้วัดธรรมาภิบาลในพระพุทธศาสนาเถรวาท สำหรับบริหารวัด. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(8), 3870–3886. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/200331
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวัฒน์. (2545). สภาพปัญหาของวัด. เรียกใช้เมื่อ 10 เมษายน 2559 จาก http://www.thaimonklaw.com.

ประภาส ชลศรานนท์. (2550). แมงกะพรุนถนัดซ้าย. กรุงเทพมหานคร: เวิร์คพ้อยท์.

พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (2558). การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา. พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระไพศาล วิสาโล. (2546). พุทธศาสนาไทยในอนาคต แนวโน้มและทางออกจากวิกฤต. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.

สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. (2560). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 134 ตอนที่ 40. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี.