ศึกษาวิเคราะห์กระบวนการสู่ความสำเร็จตามหลักอิทธิบาทสี่ กับกฎแรงดึงดูดของ รอนดา เบิร์น

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาหลักการและกระบวนการสร้างความสำเร็จตามหลักพุทธศาสนา 2) เพื่อศึกษาหลักการและกระบวนการสร้างความสำเร็จตามกฎแรงดึงดูดของรอนดา เบิร์น 3) เพื่อศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบหลักการ กระบวนการและวิธีการในการสร้างความสำเร็จตามหลักอิทธิบาทสี่กับความสำเร็จตามกฎแรงดึงดูดของ รอนดา เบิร์น ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการสู่ความสำเร็จตามหลักอิทธิบาท 4 ประกอบไปด้วย         1) ฉันทะ ความพอใจ ความต้องการที่จะทำ 2) วิริยะ ความเพียร ไม่ท้อถอย 3) จิตตะ คือตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ เอาจิตฝักใฝ่ไม่ปล่อยให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป 4) วิมังสา ความไตร่ตรอง หมั่นใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญตรวจหาเหตุผล และตรวจสอบในสิ่งที่ทำนั้น มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง ในส่วนของกฎแรงดึงดูดมีความเชื่อว่าเมื่อเราคิดอย่างไรจะได้ผลเช่นนั้น ฉะนั้นจึงต้องคิดถึงสิ่งที่ต้องการอยู่เสมอ โดยกระบวนการคิดเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จตามกฎแรงดึงดูดประกอบด้วยขั้นตอน 3 ขั้นตอนคือ 1) การขอ คือร้องขอต่อจักรวาลในสิ่งที่ต้องการ 2) เชื่อ ต้องเชื่อว่าได้สิ่งนั้นมาแล้ว 3) รับ ต้องมีความรู้สึกมีความสุขราวกับเรามีสิ่งนั้นอยู่จริง ๆ ความแตกต่างของอิทธิบาท 4 และกฎแรงดึงดูด ประกอบไปด้วย อิทธิบาท 4 มุ่งเน้นการพึ่งตนเองในขณะที่กฎแรงดึงดูดมีการหวังพึ่งพลังงานลึกลับ นอกจากนี้อิทธิบาท 4 มีกระบวนการของการตรวจสอบ ทบทวน ไตร่ตรองอยู่เสมอ ทำให้ความสำเร็จนั้นยืนยาว ในขณะที่กฎแรงดึงดูดไม่มีกระบวนการดังกล่าว และที่สำคัญกฎแรงดึงดูดมุ่งเน้นความสำเร็จในทางโลก ฉะนั้นจึงเป็นการสร้างสมกิเลสให้พอกพูนมากยิ่งขึ้น ในขณะที่อิทธิบาท 4 มุ่งหวังความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม จึงเน้นย้ำการใช้ชีวิตในทางโลกอย่างมีสติ เพื่อให้ส่งเสริมและเกื้อกูลต่อการพัฒนาในทางธรรมไปด้วย