การบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการดำเนินการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ 2) ศึกษาประสิทธิภาพและกระบวนการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ 3) ศึกษาปัจจัยที่เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็นคณะสงฆ์ทั้งหมด จำนวน 2,344 วัด ซึ่งได้กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณ จำนวน 331 วัด โดยใช้สูตรของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) ใช้วิธีการกำหนดกลุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของแต่ละภาค สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบโควต้า (Quota Sampling) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 15 รูป เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล เชิงคุณภาพ ใช้แบบสัมภาษณ์ เชิงลึก และใช้แบบสังเกต เพื่อสังเกตการณ์การประชุมคณะสงฆ์ ใช้วิธีวิเคราะห์แบบอุปนัย ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
- การดำเนินการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ โดยภาพรวม ทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน เรียงจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านการอำนวยการ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการควบคุมดูแล ส่วน ด้านการงบประมาณ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
- ประสิทธิภาพและกระบวนการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ โดยภาพรวมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน เรียงจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านการปกครอง รองลงมา คือ ด้านการสาธารณูปการ ส่วนด้านการสาธารณสงเคราะห์
- ปัจจัยที่เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ พบว่า ปัจจัยตัวแปรมีอำนาจพยากรณ์ที่ดีที่สุด มีจำนวน 4 ตัวแปร ได้แก่ ด้านการควบคุมดูแล รองลงมา ได้แก่ ด้านการอำนวยการ ด้านการงบประมาณ และด้านการจัดองค์การ
การบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งต้องปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถสรุปประเด็นได้ ดังนี้
1) ผู้บริหารกิจการคณะสงฆ์ในภาคใต้ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย วางแผนงาน การบริหารทั้งระบบ มีการประชุมติดตามงานโดยสม่ำเสมอ และจัดบุคลากรให้อยู่ในตำแหน่งงานที่เหมาะสมควร ใช้ทักษะและศักยภาพในการจัดการ ปรับการสื่อสารสั่งการ โดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การบริหารกิจการคณะสงฆ์มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
2) ผู้บริหารกิจการคณะสงฆ์ในภาคใต้ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรนำปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของคณะสงฆ์ในภาคใต้ เช่น การเผยแผ่ธรรมทางสื่อวิทยุ และสื่ออื่น ๆ อบรมวิธีการเผยแผ่แก่พระภิกษุสามเณร อบรมหลักสูตรพระวิปัสสนาจารย์ที่มีคุณภาพ จัดเตรียมสถานที่พักอาศัยสำหรับศรัทธาสาธุชน และพระอาคันตุกะ และบำรุงรักษาศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเป็นไทย โดยจัดให้มีผู้รับผิดชอบในด้านต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาแบบมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2536). มองอนาคต : บทวิเคราะห์เพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางของสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิภูมิปัญญา.
พระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ ). (2554). การคณะสงฆ์และการศาสนา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (2549). พุทธวิธีการบริหาร. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมญาณมุนี (ทองย้อย กิตฺติทินฺโน). (2526). วัดจะช่วยชาวบ้านได้อย่างไร. ใน การแสวงหาเส้นทางการพัฒนาชนบทของพระสงฆ์ไทย. กรุงเทพมหานคร: เอกสารอัดสำเนา.
วิจิตรา แป้นจันทร์. (2553). “ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลขององค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัดกำแพงเพชร”. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์,ปีที่ 16 ฉบับที่ 1, 145 -146.
ส่งศรี ชมภูวงศ์. (2554). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมกรมการศาสนา. (2542). คู่มือพระสังฆาธิการและพระวินยาธิการ. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
เอการ์วาร์ (Agarwal). (2530). อ้างใน ดร.ปธาน สุวรรณมงคลและร.ศ.ดร.อุทัย เลาหวิเชียร. ใน การบริหารและการพัฒนาองค์การ (หน้า 7). นนทบุรี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.