การนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช

Main Article Content

กันตภณ หนูทองแก้ว
พระสาโรจน์ ธมฺมสโร แซ่อู้
ทวีโชค เหรียญไกร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อศึกษาการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช 2. เพื่อเปรียบเทียบการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีเพศ ระดับชั้น เกรดเฉลี่ย และอาชีพผู้ปกครองต่างกัน และ 3. เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 ปีการศึกษา 2557 โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง Krejcie and Morgan จำนวน 108 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธ์แอลฟาครอนบาค (Cronbach) ได้ค่า เท่ากับ 0.891 ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t – test ค่า F – test จากการวิเคราะห์ One way ANOVA และผลการเปรียบเทียบรายคู่ ด้วย วิธี LSD (Least Significant Difference)


 


ผลการวิจัยพบว่า


  1. ระดับการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรวม อยู่ในระดับมาก (gif.latex?\bar{X} =3.69) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านฉันทะ ความต้องการที่จะทำด้วยแรงบันดาลใจ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( gif.latex?\bar{X}=3.97) รองลงมาด้านวิริยะ ความอาจหาญแกล้วกล้า( gif.latex?\bar{X}=3.64) ส่วนด้านวิมังสามีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( gif.latex?\bar{X}=3.52)

  2. ผลการเปรียบเทียบการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรวมนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ที่มีระดับเกรดเฉลี่ยต่างกัน มีการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนนักเรียนที่มีเพศ ระดับชั้นเรียน และอาชีพบิดามารดาแตกต่างกัน มีการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียน ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการวิเคราะห์ พบว่า นักเรียนมีข้อเสนอแนะใน ด้านฉันทะ (ความต้องการที่จะทำด้วยแรงบันดาลใจ) มากที่สุด คือ ครูควรแนะนำและส่งเสริมนักเรียนให้มีความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ ในการเรียนและการทำงาน รองลงมา คือ ประเด็นครูประจำชั้นควรแนะนำนักเรียนเกี่ยวกับ เป้าหมายสูงสุดของการเรียน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
หนูทองแก้ว ก., แซ่อู้ พ. ธ., & เหรียญไกร ท. (2016). การนำอิทธิบาทธรรมไปใช้ในการเรียนของนักเรียนโรงเรียนพึ่งตนเอง ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 3(2), 42–56. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/153383
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม. (3 มกราคม 2557). เข้าถึงได้จาก บทที่ 1 ปัญหาเด็กและเยาวชนกับการพัฒนาประเทศ: https://www.dra.go.th

กรรณิการ์ ดีมานพ. (2542). การปฏิบัติตามแนวอิทธิบาท 4 ของพนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหากุฏราชวิทยาลัย.

จำนง อภิวัฒนสิทธิ์ และคนอื่นๆ. (2548). สังคมวิทยา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

เบญจวรรณ นครพัฒน์. (2552). การนำหลักอิทธิบาท 4 ไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต). (2538). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพมหานครค: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

ส่งศรี ชมพูวงศ์. (2552). .ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. นครศรีธรรมราช: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.

สุกิจ มลสวัสดิ์. (2552). การปฏิบัติตามหลักอิทธิบาท 4 ในการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนพระบรมธาตุพิทักษ์วิทยา อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย.