การศึกษาผลการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ สนุกกับ Lab สารและการเปลี่ยนแปลงความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิก
คำสำคัญ:
สะตีมศึกษา, ผังกราฟิก, ผลการเรียนรู้, ความคิดสร้างสรรค์, จิตวิทยาศาสตร์บทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: สะตีมศึกษาเป็นการจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะ และคณิตศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้และสามารถนำความรู้ที่ได้ ไปแก้ปัญหาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ สนุกกับ Lab สารและการเปลี่ยนแปลง จากการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิกดังนี้ 1.1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้จากการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิก 1.2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิกกับเกณฑ์ร้อยละ 70 1.3) เปรียบเทียบคุณภาพชิ้นงานหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิกกับเกณฑ์ร้อยละ 70 2) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิก 3) เปรียบเทียบจิตวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด สะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิก
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 43 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินคุณภาพชิ้นงาน แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ และแบบวัดจิตวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัย: ผลการวิจัยพบว่า 1) ศึกษาผลการเรียนรู้ ดังนี้ 1.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 1.2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 1.3) คุณภาพชิ้นงานหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) จิตวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุปผล: การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษาร่วมกับผังกราฟิกช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนักเรียนเรียนรู้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามลำดับและนำไปสู่การมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณภาพชิ้นงาน ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ที่สูงขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กิติพงษ์ ลือนาม. (2561). วิธีวิทยาการวิจัยทางการศึกษา. นครราชสีมา : โคราช มาร์เก็ตติ้งแอนด์ โปรดักชั่น.
กุลิสรา จิตรชญาวณิช. (2563). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชนัฎดา ภูโปร่ง. (2560). การจัดการเรียนรู้แบบสะตีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ปัญจนาฏ วรวัฒนชัย. (2565). ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์. วารสารครุศาสตร์สาร. 16 (1), 14-31.
พรรณพิไล เกษีสม, วสันต์ อติศัพท์ และ ณัฐวิทย์ พจนตันติ. (2566). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้โครงงานเป็นฐานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์และทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ตามแนวคิด Connectivism. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. 34 (2), 177-190.
พันเพชร เชยแจ้ง, ณัฏฐ์วัฒน์ ผิวเหลือง, ภัทรฉัตร บุญเทียม และ พงศ์ประพันธ์ พงษ์โสภณ. (2565). สะตีมศึกษากับการพัฒนาเจตคติวิทยาศาสตร์ STEAM Education and Development of Scientific Attitudes. วารสารวิจัยเพื่อการปฏิรูปการเรียนรู้. 5 (2), 70-80.
ภิญโญ วงษ์ทอง และ สมเสมอ ทักษิณ. (2563). การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อพัฒนาทักษะ 4Cs. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
มัสยา บัวผัน, สิราวรรณ จรัสรวีวัฒน์ และ อาพันธ์ชนิต เจนจิต. (2563). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีม ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความคิดสร้างสรรค์และเจตคติ ของนักเรียนชั้นปรถมศึกษาปีที่ 4. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 48 (2), 202-224.
วรรณพร สิงห์บุญ. (2562). ผลการจัดการเรียนรู้แบบสะตีมศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารในชีวิตประจำวัน และความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มโรงเรียนปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์. 36 (3), 146-162.
วาสนา กีรติจำเริญ และ อิสรา พลนงค์. (2564). การพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมเพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก. วารสารชุมชนวิจัย. 16 (1), 78-91.
วิภาดา พินลา และ วิภาพรรณ พินลา. (2562). การเรียนรู้เชิงรุกในวิชาสังคม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วิสูตร โพธิ์เงิน. (2560). STEAM ศิลปะเพื่อสะเต็มศึกษา: การพัฒนาการรับรู้ความสามารถและแรงบันดาลใจให้เด็ก. วารสารครุศาสตร์. 45 (1), 320-334.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). การวัดผลประเมินผลวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2561). คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. Retrieved on 8 October 2023 from https://www.scimath.org/e-books/8923/flippingbook/index.html#7/z
สุภัค โอฬาพิริยกุล. (2562). STEAM EDUCATION: นวัตกรรมการศึกษาบูรณาการสู่การจัดการเรียนรู้ STEAM EDUCATION: Innovative Innovation Education Integrated into Learning Management. วารสารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร. 9 (1), 1-16.
อรพินท์ ปลื้มสุด และวาสนา กีรติจำเริญ. (2566). การศึกษาผลการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อากาศรอบตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะตีมศึกษา. วารสารราชพฤกษ์. 21(1), 216-229.
อารี พันธ์มณี. (2557). ฝึกให้คิดเป็น คิดให้สร้างสรรค์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





