จริยธรรมการตีพิมพ์
จริยธรรมในการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารทางวิชาการ (Publication Ethics)
บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการวารสาร (Duties of editors)
1. บรรณาธิการวารสารมีหน้าที่ตรวจสอบรูปแบบ ความสมบูรณ์ และคุณภาพของบทความก่อนเริ่มกระบวนการประเมินคุณภาพเพื่อตีพิมพ์ในวารสารที่ตนรับผิดชอบ
2. บรรณาธิการจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ในระหว่างช่วงการประเมินบทความและการตีพิมพ์วารสารนั้นแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผู้เขียนหรือผู้ตรวจสอบบทความ
3. บรรณาธิการจะเป็นผู้ประเมินเบื้องต้นในการตัดสินใจคัดเลือกบทความเข้าสู่กระบวนการตีพิมพ์ และพิจารณาตีพิมพ์บทความที่ผ่านกระบวนการประเมินโดยพิจารณาจากผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากความสำคัญ ความใหม่ ความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหาและนโยบายของวารสาร
4. บรรณาธิการจะไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์ในวารสารอื่นมาแล้ว ทั้งในรูปแบบวารสารหรือบทความหลังจากการนำเสนอในการประชุมวิชาการฉบับเต็ม (Proceeding)
5. บรรณาธิการจะไม่ปฏิเสธการตีพิมพ์บทความที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันข้อสงสัยดังกล่าว
6. บรรณาธิการจะไม่ขัดแย้งทางผลประโยชน์ใดๆ กับผู้เขียน ผู้ประเมิน และทีมผู้บริหาร
7. บรรณาธิการจะตรวจสอบการคัดลอกผลงานในบทความโดยใช้โปรแกรมที่น่าเชื่อถือ และหากมีหลักฐานหรือการยืนยันที่ชัดเจนเกี่ยวกับการคัดลอกผลงานของผู้อื่น บรรณาธิการจะติดต่อผู้เขียนหลักเพื่อชี้แจง และหากไม่มีการชี้แจงจากบรรณาธิการ บรรณาธิการจะปฏิเสธที่จะตีพิมพ์บทความนั้น
บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ (Duties of reviewers)
1. ผู้ประเมินบทความจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ของบทความและผู้นิพนธ์ แต่บุคคลอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ตลอดระยะเวลาของการประเมิน (Confidentiality)
2. ผู้ประเมินบทความจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ เช่น เป็นผู้นิพนธ์ร่วม ๆ หรืออื่น ๆ ที่จะทำให้ผู้ประเมินไม่สามารถประเมินและให้ข้อเสนอแนะได้อย่างอิสระได้
3. ผู้ประเมินบทความจะประเมินบทความในสาขาวิชาที่มีความเชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากเนื้อหาของบทความ และประเมินบทความโดยพิจารณาจากความสำคัญ ความใหม่ ความชัดเจนและความสอดคล้องของเนื้อหา โดยไม่ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลทางวิชาการรองรับมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบทความ
4. ผู้ประเมินสามารถเสนอแนะผลงานวิจัยที่สำคัญและสอดคล้องกับบทความในกรณีที่ผู้นิพนธ์ไม่ได้อ้างถึง เข้าไปในการประเมินบทความด้วย
5. หากผู้ประเมินพบว่าบทความมีความเหมือน หรือซ้ำซ้อนกับผลงานของผู้อื่นโดยมีหลักฐานชัดแจ้ง ผู้ประเมินสามารถปฏิเสธการตีพิมพ์และแจ้งแก่บรรณาธิการ
กระบวนการจัดการข้อร้องเรียนต่อบรรณาธิการที่ส่งถึงคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์
1. ข้อร้องเรียนจากผู้เขียน ผู้อ่าน หรือผู้วิจารณ์สามารถส่งต่อไปยังคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์เพื่อพิจารณา
2. ข้อร้องเรียนต่อบรรณาธิการวารสารจะต้องยื่นเป็นลายลักษณ์อักษรถึงบรรณาธิการโดยตรง ขั้นตอนแรกคือการยื่นข้อร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรถึงบรรณาธิการวารสารโดยตรง หากข้อร้องเรียนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างน่าพอใจ สามารถส่งข้อร้องเรียนดังกล่าวไปยังคณะกรรมการกลางของบรรณาธิการหรือผู้วิจารณ์ใดๆ ก็ได้
3. เฉพาะข้อร้องเรียนที่ผ่านกระบวนการร้องเรียนของวารสารเท่านั้นที่จะส่งต่อไปยังคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ได้ และต้องแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
4. คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะรับข้อร้องเรียนภายใน 6 เดือนหลังจากที่วารสารพิจารณาข้อร้องเรียนดังกล่าว
5. คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะไม่พิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาของการตัดสินใจตีพิมพ์บทความของบรรณาธิการ (แต่จะพิจารณาขั้นตอน) หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาของบทบรรณาธิการ 6. คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์จะไม่พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการเผยแพร่เอกสารมาตรฐานจริยธรรมฉบับนี้
แนวทางปฏิบัติเมื่อส่งเรื่องร้องเรียนไปยังคณะบรรณาธิการ:
1. ผู้ร้องเรียนยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังคณะบรรณาธิการวารสาร
2. คณะบรรณาธิการวารสารจะตรวจสอบเรื่องร้องเรียนตามประเด็นต่อไปนี้: จากนั้นส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของวิทยาลัยหรือสถาบันที่ได้รับการรับรอง 2.1 เรื่องร้องเรียนต่อคณะบรรณาธิการวารสาร 2.2 เรื่องร้องเรียนที่อยู่ในขอบข่ายของคณะบรรณาธิการวารสาร 2.3 เรื่องร้องเรียนที่ไม่ได้รับการแก้ไขหลังจากส่งไปยังวารสารเพื่อพิจารณาตามกระบวนการ 3. ผู้ร้องเรียนต้องส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียนไปยังวารสารว่าวารสารรับทราบเรื่องร้องเรียนแล้ว เพื่อให้คณะบรรณาธิการวารสารมั่นใจ 4. ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวารสารแจ้งต่อบรรณาธิการวารสารเกี่ยวกับข้อร้องเรียนที่ส่งต่อไปยังคณะกรรมการจริยธรรม 5. สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น: บรรณาธิการไม่ให้ความร่วมมือ ในกรณีนี้ ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวารสารจะแจ้งผู้ร้องเรียนและเจ้าของวารสาร บรรณาธิการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนด้วยประเด็นต่อไปนี้:
5.1 ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวารสารและตัวแทน 1 คนที่ได้รับการเสนอชื่อโดยสมาชิกคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ ร่วมกันพิจารณาและตัดสินใจว่าวารสารได้ดำเนินการกับข้อร้องเรียนอย่างน่าพอใจและได้แจ้งให้ผู้ร้องเรียนและบรรณาธิการทราบแล้ว
5.2 ประธานคณะกรรมการจริยธรรมวารสารและตัวแทน 1 คนที่ได้รับการเสนอชื่อโดยสมาชิกคณะกรรมการจริยธรรมวารสาร ร่วมกันตัดสินใจว่าจำเป็นต้องสืบสวนเพิ่มเติมและได้แจ้งให้ผู้ร้องเรียนและบรรณาธิการวารสารทราบแล้ว และยื่นรายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องของคณะกรรมการจริยธรรมวารสาร - อนุกรรมการที่พิจารณาและตัดสินใจเรื่องร้องเรียนควรประกอบด้วยประธาน 1 ท่าน และกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์อย่างน้อย 3 ท่าน โดย 2 ท่านต้องไม่เป็นบรรณาธิการ และไม่มีกรรมการคนใดเป็นสมาชิกของสำนักพิมพ์เดียวกัน (หรือบริษัทแม่) กับบรรณาธิการที่ถูกร้องเรียน
6. หากประธานอยู่ในสำนักพิมพ์เดียวกัน (หรือบริษัทแม่) กับบรรณาธิการที่ถูกร้องเรียน ประธานจะแต่งตั้งรองประธานซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดูแลเอกสารแทน
7. เมื่อมีการส่งเรื่องร้องเรียนถึงอนุกรรมการ อนุกรรมการอาจ:
7.1 ถอนเรื่องร้องเรียนและแจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องเรียนและบรรณาธิการทราบ
7.2 สรุปว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบที่กำหนด 8. เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่ามีการละเมิดระเบียบที่กำหนด คณะอนุกรรมการต้องยื่นรายงานต่อคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ โดยต้องอธิบายลักษณะของการละเมิดและให้คำแนะนำว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร คณะกรรมการจริยธรรมวารสารจะพิจารณารายงานดังกล่าว ซึ่งอาจแก้ไขได้ หลังจากนั้นจะแจ้งข้อเสนอแนะให้ผู้ร้องเรียน บรรณาธิการ และเจ้าของสำนักพิมพ์ (วารสาร) ทราบ ซึ่งอาจรวมถึง:
8.1 บรรณาธิการต้องขออภัยผู้ร้องเรียนสำหรับข้อร้องเรียนที่ได้รับ
8.2 บรรณาธิการต้องเผยแพร่คำชี้แจงที่ได้รับจากคณะกรรมการจริยธรรมของวารสารในวารสารของตน
8.3 วารสารต้องปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงาน
8.4 บรรณาธิการต้องลาออกจากคณะกรรมการจริยธรรมเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือดำเนินการอื่นใดที่คณะกรรมการจริยธรรมของวารสารเห็นว่าเหมาะสมตามสถานการณ์
ขั้นตอนการอุทธรณ์
ผู้ร้องเรียนสามารถอุทธรณ์คำแนะนำของคณะกรรมการจริยธรรมของวารสารได้โดยการขอรายละเอียดบุคคลที่สามารถติดต่อได้จากกองบรรณาธิการและคณะกรรมการจริยธรรมของวารสาร




