เงื่อนไขนำไปสู่การก่อรัฐประหารของไทย
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2022.40คำสำคัญ:
ปฏิวัติ; , รัฐประหาร; , ปัจจัยเงื่อนไขบทคัดย่อ
รัฐประหารถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อการดำเนินการทางการเมืองที่เป็นไปตามครรลองของการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริง “การทำรัฐประหาร” สำหรับประเทศไทย กลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้การยอมรับ บทความนี้ได้กล่าวถึงปัจจัยเงื่อนไขนำไปสู่การก่อรัฐประหารของไทยตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เมื่อปี พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) เป็นระยะเวลากว่า 90 ปี ประเทศไทยมีการดำเนินการปฏิวัติ การรัฐประหาร และก่อกบฏแล้ว จำนวน 19 ครั้ง แบ่งเป็นรัฐประหารที่ประสบผลสำเร็จรวม 13 ครั้งและความพยายามในการทำรัฐประหารที่ล้มเหลว (กบฏ) อีก 11 ครั้ง อย่างไรก็ตามจากการทำรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จทั้ง 13 ครั้งของประเทศไทยประกอบด้วย 2 องค์ประกอบใหญ่ คือ (1) กลุ่มชนชั้นในสังคมที่ประกอบด้วยพลเรือนและทหาร (2) พรรคการเมือง หรือกลุ่มคนที่ต้องการบริหารประเทศถูกจัดตั้งเป็นรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ปัจจัยเงื่อนไขที่นำไปสู่การก่อรัฐประหารของไทย จำแนกได้ 2 ปัจจัยเงื่อนไข ดังนี้ (1) ปัจจัยทางสังคม ประกอบด้วย ความล้าหลังทางเศรษฐกิจ ความมีอิสระทางการเมือง การรวมศูนย์อำนาจในการปกครอง เศรษฐกิจตกต่ำ และ รัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงและความแตกแยกของประชาชนในสังคม (2) ปัจจัยภายในของทหาร ประกอบด้วย ผลประโยชน์ขององค์การทหาร เช่น การสนับสนุนทางงบประมาณ ความเป็นเอกเทศขององค์การทหาร ความต้องการที่ต้องไม่มีคู่แข่ง เป็นต้น และปัจจัยในกองทัพ เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญของกองทัพ การตัดงบประมาณ เป็นต้น ปัจจัยเงื่อนไขเหล่านี้ล้วนเกิดเป็นวัฏจักรที่ก่อให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งท้ายที่สุดของการรัฐประหารทุกครั้งคือการนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
เอกสารอ้างอิง
คึกฤทธิ์ เรกะลาภ. (2551). การแทรกแซงทางการเมืองของทหารไทย : ศึกษากรณีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตร์มหาบัณฑิต แขนงวิชาการเมืองการ ปกครอง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ชัยอนันต์ สมุทวณิช (2539). รัฐ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชัยอนันต์ สมุทวาณิช. (2524). ประชาธิปไตย สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์กับการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: ดวงดี
การพิมพ์
ไชยะ เทพา. (2559).การรัฐประหารในการเมืองไทย (Unpublished Master’s thesis). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ติน ปรัชญพฤทธิ์. (2548). ศัพท์รัฐประศาสนศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 7, กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์. (2561). ข้ออ้างการปฏิวัติ-รัฐประหาร ในการเมืองไทยสมัยใหม่. กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
ประชา เทพเกษตรกุล. (2535). การแทรกแซงทางการเมืองของทหารไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534. วิทยานพนธ์รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พีระวุฒิ สุวรรณประสิทธิ์. (2540). การศึกษาปัจจัยที่เข้าแทรกแซงการเมืองไทยโดยการทำรัฐประหารของทหารไทยระหว่าง พ.ศ. 2500-3534. สารนิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ภาณุมาศ ขัดเงางาม. (2558). ประชาธิปไตยกับการทำรัฐประหารในประเทศไทย. วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 1 (2), 19-32.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรมฉับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชันส์.
วัลลี นวลหอม และคณะ. (2563). จากเหต์การณ์รัฐประหาร 2557 อันนำไปสู่เผด็จการอำนาจนิยมที่ส่งผลกระทบทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองไทย. งานประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 12 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม 9-10 กรกฎาคม 2563.
สุรชาติ บำรุงสุข. (2558). เสนาธิปไตย: รัฐประหารกับการเมืองไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.
อุมาพร อินทะวงค์. (2551) ปัจจัยที่นำมาซึ่งการทำรัฐประหาร โดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่:เชียงใหม่.
David Jary and Julia Jary, ed. (2005). Collins Dictionary of Sociology. Third Edition, United Kingdom: Collins.
Luttwak, Edward. (1976). The grand strategy of the Roman Empire. Baltimore: Johns Hopkins Univ.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 Angkarat Detwattanayotin

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





