การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการ เพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูโรงเรียนเทศบาล 7 ฝั่งหมิ่น เทศบาลนครเชียงราย
คำสำคัญ:
รูปแบบการนิเทศ , การนิเทศภายในแบบบูรณาการ , การจัดการเรียนรู้เชิงรุกบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 4) ประเมินความคิดเห็นของครูที่มีต่อรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยมีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ ครู จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบประเมิน แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและการทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระ
ผลการวิจัยพบว่า
- ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า การนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นกระบวนการนิเทศที่เน้นการสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูเพื่อให้คำแนะนำ ปรับปรุง พัฒนาการสอนให้มีคุณภาพโดยเน้น
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เกิดจากการบูรณาการการนิเทศแบบคลินิก การนิเทศแบบพี่เลี้ยงและการนิเทศแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ โดยมีผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศร่วมปรึกษาหารือ วางแผนการจัดการเรียนรู้ สังเกตการสอน ลงมือปฏิบัติและให้ข้อมูลย้อนกลับจนประสบผลสำเร็จ
ตามจุดมุ่งหมาย - ผลการสร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) พบว่า มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่
1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการนิเทศ 5) การวัดและประเมินผล 6) เงื่อนไขความสำเร็จ โดยมีกระบวนการนิเทศ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การวางแผนกำหนดทิศทาง 2) การปฏิบัติการนิเทศ 3) การเรียนรู้และพัฒนา และ 4) การสร้างขวัญกำลังใจ ซึ่งผลการประเมินรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ พบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ส่วนผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจ สามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกได้ อีกทั้งมีเจตคติที่ดีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก - การศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระ พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าหลังการอบรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและจัดการเรียนการสอนที่สร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกอยู่ในระดับมากที่สุดอีกทั้งมีเจตคติที่ดีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
อยู่ในระดับดี - ผลการประเมินความคิดเห็นที่มีต่อรูปแบบการนิเทศภายในแบบบูรณาการเพื่อสร้างเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) พบว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับ
พึงพอใจมากที่สุด
References
ฝ่ายวิชาการ. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เดอะบุคส์จำกัด.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2561). การเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลังกับ PLC เพื่อการพัฒนา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พิสณุ ฟองศรี. (2553). เทคนิควิธีการประเมินโครงการ (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์.
มนสิช สิทธิสมบูรณ์. (2565). กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เชิงรุก. พระนครศรีอยุธยา: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
โรงเรียนเทศบาล 7 ฝั่งหมิ่น. (2564). การนิเทศภายในสถานศึกษาปีการศึกษา 2564. โรงเรียนเทศบาล 7 ฝั่งหมิ่น สำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย.
โรงเรียนเทศบาล 7 ฝั่งหมิ่น. (2564). รายงานผลการประเมินตนเอง (Self Assessment Report) 2564. โรงเรียนเทศบาล 7 ฝั่งหมิ่น สำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย.
วงศ์พันธ์ เวียงนนท์, สุวิมล โพธิ์กลิ่น และธิดารัตน์ จันทะหิน. (2564). การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและแนวทางการนิเทศภายในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 28. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย, 11(1), 197-199.
วัชรา เล่าเรียนดี, อรพิณ ศิริสัมพันธ์ และปรณัฐ กิจรุ่งเรือง. (2560). กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิดและยกระดับคุณภาพการศึกษาสำหรับศตวรรษที่ 21. นครปฐม: เพชรเกษมพริ้นติ้ง กรุ๊ป.
ศุภลักษณ์ มีปาน. (2562). รูปแบบการนิเทศภายในสำหรับการจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
สุกัญญา งามบรรจง. (2560). รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ผ่านกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
Acheson, K.A. & Gall, M.D. (1997). Techniques in the clinical supervision of teachers: preservice and in-service applications (4th edition). Longman Publishers, 10 Bank St., White Plains N.Y.
Beach, D.M. and Reinhartz, J. (2000). Supervision leadership: Focus on instruction. Boston: Allyn and Bacon.
Glatthorn, A.A. (1994). Differentiated supervision. Washington D.C.: Association for Supervision and Development.
Glickman, Carl D, Godon, Stephen P., & Rose-Gordon, Jovita M. (2016). Supervision and instruction leadership: A developmental approach. Boston: Allyn and Bacon. Inc.
Herzberg, Frederick. (2001). Work and the nature of man. New York: World.
Hudson, P., & Hudson, S. (2010). Mentor educators understanding of mentoring pre service primary teachers. International Journal of Learning, 17(2), 157-170.
Kyriacou Chris. (2007). Essential teaching skills. United Kingdom: Nelson.
Maslow's-Hierarchy-Of-Needs. (2009). ทฤษฎีความต้องการของ มาสโลว์. Retrieved June 24, 2022, from http://www.biz-development.com/HumanResources/3.18.
Nick, J.M. and et al., (2012). Best practices in academic mentoring: A model for excellence. Nursing Research and Practice.
Plook Teacher. (2562). การส่งเสริมการศึกษาไทยเพื่อรับมือกับยุค VUCA. สืบค้น 14 กรกฎาคม 2565, จาก https://www.trueplookpanya.com/education/content/76134.

Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 มหาวิทยาลัยพะเยา

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผู้นิพนธ์ต้องรับผิดชอบข้อความในบทนิพนธ์ของตน มหาวิทยาลัยพะเยาไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความที่ตีพิมพ์เสมอไป ผู้สนใจสามารถคัดลอก และนำไปใช้ได้ แต่จะต้องขออนุมัติเจ้าของ และได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน พร้อมกับมีการอ้างอิงและกล่าวคำขอบคุณให้ถูกต้องด้วย
The authors are themselves responsible for their contents. Signed articles may not always reflect the opinion of University of Phayao. The articles can be reproduced and reprinted, provided that permission is given by the authors and acknowledgement must be given.