การขยายพื้นที่ชุมชนในการดำเนินโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวเพื่อป้องกันการกระทำซ้ำ
คำสำคัญ:
ความรุนแรงในครอบครัว , ชุมชน, โปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรง ในครอบครัวเพื่อป้องกันการกระทำซ้ำบทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องการขยายพื้นที่ชุมชนในการดำเนินโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวเพื่อป้องกันการกระทำซ้ำมีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อพัฒนาแกนนำในการนำโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว เพื่อป้องกันการกระทำซ้ำไปใช้ในพื้นที่ชุมชน (2) เพื่อศึกษาผลการนำโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวไปใช้ และ (3) เพื่อพัฒนาคู่มือการนำโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวเพื่อป้องกันการกระทำซ้ำไปใช้ในพื้นที่ชุมชน วิจัยเรื่องนี้เป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยมีการอบรมแกนนำชุมชนจำนวน10 คนในพื้นที่เทศบาลเมืองนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ แกนนำวางแผน ออกแบบกิจกรรม และดำเนินกิจกรรมกับครอบครัวกลุ่มตัวอย่างจำนวน10 ครอบครัวในเทศบาลเมืองนางรอง 6 ชุมชน ผลการศึกษาพบว่า แกนนำสามารถนำโปรแกรมการทำงานฯไปจัดกิจกรรมกับครอบครัวกลุ่มตัวอย่างได้รับผลการประเมินในเกณฑ์ดี และภายหลังการเข้าร่วมโปรแกรม ครอบครัวกลุ่มตัวอย่างไม่มีการใช้ความรุนแรงทางร่างกายเลยแต่ยังพบว่ามีการกระทำความรุนแรงทางจิตใจ ผ่านวาจาแต่มีความถี่ในการกระทำลดลง และได้พัฒนาคู่มือการนำโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวจนสำเร็จ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว.(2563). เหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว. จาก https: spectrumth.com/2020/01/17domestic-violence-ความรุนแรงในครอบครัว.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. (2564). สถิติความรุนแรงในครอบครัว ปีงบประมาณ 2564. จาก www.dwf.go.th.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ. (2559). คู่มือศูนย์ปฏิบัติงานของหน่วยงานในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว. กรุงเทพฯ: กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, สำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก, ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว.
ชลาศัย กันมินทร์. (2562). ความรุนแรงในครอบครัว: ปัญหาและแนวทางป้องกัน. งานประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปี 2462 (984-997).
มาดี ลิ่มสกุล และ สุกิจ อยู่ในธรรม. (2562). โครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาโปรแกรมการทำงานกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว เพื่อป้องกันการกระทำซ้ำ. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.
ยงยุทธ แสนประสิทธิ์. (2554). รูปแบบการป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยกระบวนการการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน: กรณีศึกษาชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี. (วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วุฒิชัย เปียแดง. (2553). บทบาทของชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว: ศึกษาเฉพาะกรณีชุมชนนำร่องของกรุงเทพมหานคร 4 ชุมชน. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารงานยุติธรรม). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง. (2562). ทั่วโลกมีผู้หญิงเสียชีวิตจากคนใกล้ชิดทำร้ายเฉลี่ย 137 คน/วัน. จาก https://www.tcijthai.com/news/2019/10scoop/8845.
สมภพ ไล้รักษา. (2554). แนวทางการเสริมสร้างพลังอำนาจศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จังหวัดสมุทรสาครให้เข้าสู่มาตรฐาน. (สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อังคณา ช่วยค้ำชู. (2555). ความรุนแรงในครอบครัว: สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการช่วยเหลือ. วารสารธรรมศาสตร์, 31(3), 1-17.
อังคณา อินทสา. (2558). กระบวนการปรับพฤติกรรมที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว กรณีศึกษามูลนิธิหญิงชายก้าวไกล. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Kristie, A. Thomas, Lisa, A. Goodman, Elizabeth, Schon Vainer, Deborah, Heimel, Ronit Barkai, and Deborah, Collins-Gousby. (2018). “No Sacred Cows or Bulls”: The Story of the Domestic Violence Program Evaluation and Research Collaborative (DVPERC). Journal of Family Violence, 33, 537-549.
World Bank Group. (2016). Community-based Approaches to Intimate Partner Violence: A Review of Evidence and Essential Steps to Adaptation. From https://documents.worldbank.org.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 มหาวิทยาลัยพะเยา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผู้นิพนธ์ต้องรับผิดชอบข้อความในบทนิพนธ์ของตน มหาวิทยาลัยพะเยาไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความที่ตีพิมพ์เสมอไป ผู้สนใจสามารถคัดลอก และนำไปใช้ได้ แต่จะต้องขออนุมัติเจ้าของ และได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน พร้อมกับมีการอ้างอิงและกล่าวคำขอบคุณให้ถูกต้องด้วย
The authors are themselves responsible for their contents. Signed articles may not always reflect the opinion of University of Phayao. The articles can be reproduced and reprinted, provided that permission is given by the authors and acknowledgement must be given.

