การศึกษาแบบแผนพฤติกรรมการเรียนรู้โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์: ทักษะการตั้งสมมติฐานและทักษะการทดลอง
ทักษะการตั้งสมมติฐานและทักษะการทดลอง
คำสำคัญ:
แบบแผนพฤติกรรมการเรียนรู้, ทักษะการตั้งสมมติฐาน, ทักษะการทดลอง, การเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน, นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์บทคัดย่อ
รายงานการวิจัยนี้เป็นการรายงานผลการศึกษาแบบแผนของพฤติกรรมการเรียนรู้โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะการตั้งสมมติฐานและทักษะการทดลอง ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน การศึกษาครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและวิเคราะห์ผลแบบอุปนัย กลุ่มเป้าหมายคือนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ที่ถูกเลือกมาแบบเจาะจง จำนวน 44 คน กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานถูกออกแบบและนำมาใช้ในรายวิชาไฟฟ้าและพลังงาน ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ย่อย 6 กิจกรรม ข้อมูลวิจัยถูกเก็บจากแบบสอบถามพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะการตั้งสมมติฐานและทักษะการทดลองก่อนเรียนและหลังเรียน (IOC = 1.00) ผลการวิจัยพบว่านักศึกษากลุ่มเป้าหมายสะท้อนแบบแผนการพฤติกรรมการเรียนรู้ของทักษะการตั้งสมมติฐานจำแนกได้เป็น 4 แบบ ในจำนวนนี้มีแบบแผนพฤติกรรมที่สะท้อนการเรียนรู้แบบสืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่ 1 แบบ มีสัดส่วนคำตอบก่อนเรียนคิดเป็นร้อยละ 5.6 และหลังเรียนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 76.5 สำหรับผลสะท้อนพฤติกรรมการเรียนรู้ในทักษะการทดลองของนักศึกษากลุ่มเป้าหมายพบว่า ก่อนเรียนนักศึกษามีแบบแผนพฤติกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกันอยู่ 4 แบบเช่นกัน ในจำนวนนี้ปรากฏแบบแผนที่สะท้อนพฤติกรรมการเรียนรู้โดยใช้การทดลองเพื่อสืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอยู่ 1 แบบ มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 17.4 และข้อค้นพบที่น่าสนใจคือ หลังเรียนนักศึกษามีแบบแผนพฤติกรรมการเรียนรู้โดยใช้การทดลองเพื่อสืบเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองสูงขึ้น โดยมีสัดส่วนคำตอบสูงถึงร้อยละ 100 ซึ่งผลดังกล่าวแตกต่างจากรูปแบบการเรียนรู้ที่นักศึกษาสะท้อนพฤติกรรมการเรียนรู้ก่อนเรียนโดยสิ้นเชิง
เอกสารอ้างอิง
ชาตรี ฝ่ายคำตา. (2559). ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ ในโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.). วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 27(2), 21-37.
ทิศนา แขมมณี. (2548). การจัดการเรียนรู้โดยผู้เรียนใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้. กรุงเทพมหานครฯ: สำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา.
บรรณรักษ์ คุ้มรักษา และเพชรลัดดา รักษากิจ. (2562). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน เรื่อง สมบัติของดิน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 10(1), 14-29.
บรรณรักษ์ คุ้มรักษา และศศิพิมพ์ ชุมทอง. (2561). ผลของการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐานเรื่อง ชนิด สมบัติและประโยชน์ ของวัสดุ ในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี. ใน การประชุมวิชาการระดับชาติ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏลำปาง ครั้งที่ 4: ครุศาสตร์วิจัย 2561. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, ลำปาง.
ลัดดา ภู่เกียรติ. (2552). การสอนแบบโครงงานและการสอนแบบใช้วิจัยเป็นฐาน: งานที่ครูประถมทำได้. กรุงเทพฯ: บริษัทสาฮะแอนด์ซันพริ้นติ้ง จำกัด.
ลือชา ลดาชาติ. (2558). การวิจัยเชิงคุณภาพสำหรับครูวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
ลือชา ลดาชาติ และลฎาภา ลดาชาติ. (2559). ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของการสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ของนิสิตครูวิชาเอกชีววิทยา. วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้, 2(1), 24-44.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2560). คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สุธีระ ประเสริฐสรรพ์. (2555). โครงงานฐานวิจัย: กระบวนการเรียนรู้ใหม่ของการศึกษาไทย. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
สุภาพร พรไตร และจิตติมา วัฒนราช. (2557). ผลการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานฐานวิจัยต่อการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะพึงประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 5(2), 176-185.
เสาวภา วิชาดี. (2554). การศึกษาในกระบวนทัศน์ใหม่: การเรียนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน. วารสารนักบริหาร, 31(3), 26-30.
American Association for the Advancement of Science (AAAS). (1967). Science – A process approach. Washington, DC: AAAS.
Coil, D., Wenderoth, M. P., Cunningham, M., & Dirks, C. (2010). Teaching the Process of Science: Faculty Perceptions and an Effective Methodology. CBE-life sciences education, 9(4), 524-535.
Lederman, N. G., Abd-El-Khalick, F., Bell, R. L., & Schwartz, R. S. (2002). Views of Nature of Science Questionnaire: Toward Valid and Meaningful Assessment of Learners' Conceptions of Nature of Science. Journal of Research in Science Teaching, 39(6), 497-521.
Moeed, A. (2013). Science Investigation That Best Supports Student Learning: Teachers' Understanding of Science Investigation. International Journal of Environmental and Science Education, 8(4), 537-559.
Schwartz, R. S., Lederman, N. G., & Crawford, B. A. (2004). Developing Views of Nature of Science in an Authentic Context: An Explicit Approach to Bridging the Gap between Nature of Science and Scientific Inquiry. Science Education, 88(4), 610-645.
Wilke, R. R., & Straits, W. J. (2005). Practical Advice for Teaching Inquiry-Based Science Process Skills in the Biological Science. The American Biology Teacher, 67(9), 534-540.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ผู้นิพนธ์ต้องรับผิดชอบข้อความในบทนิพนธ์ของตน มหาวิทยาลัยพะเยาไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความที่ตีพิมพ์เสมอไป ผู้สนใจสามารถคัดลอก และนำไปใช้ได้ แต่จะต้องขออนุมัติเจ้าของ และได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน พร้อมกับมีการอ้างอิงและกล่าวคำขอบคุณให้ถูกต้องด้วย
The authors are themselves responsible for their contents. Signed articles may not always reflect the opinion of University of Phayao. The articles can be reproduced and reprinted, provided that permission is given by the authors and acknowledgement must be given.

