การพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารวิชาการเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารวิชาการเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพ ปัญหา ความต้องการและสภาพบริบทการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา โดยศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร การส่งเสริมการวิจัย และการพัฒนายุทธศาสตร์ และศึกษาสภาพ ปัญหา และความต้องการ จากการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสอบถาม ศึกษาสภาพบริบทการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่ประสบความสำเร็จจำนวน 3 แห่ง โดยใช้แบบสัมภาษณ์ และวิเคราะห์สภาพบริบท ขั้นตอนที่ 2 การสร้างยุทธศาสตร์การบริหารวิชาการเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการ จัดทำร่างยุทธศาสตร์การบริหารวิชาการเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้เกี่ยวข้องจำนวน 25 คน และ ตรวจสอบร่างยุทธศาสตร์โดยการจัดสนทนากลุ่ม จากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านความเหมาะสม และความสอดคล้อง จำนวน 12 คน
ผลการวิจัย พบว่า ยุทธศาสตร์การบริหารวิชาการเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีประเด็นยุทธศาสตร์ 5 ประเด็น ได้แก่ 1) พัฒนาระบบการวางแผนการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา 2) พัฒนารูปแบบการจัดองค์การในการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา 3) พัฒนาภาวะผู้นำการวิจัยของผู้บริหารสถานศึกษาและหัวหน้าวิชาการ 4) ส่งเสริมและพัฒนาระบบการควบคุมการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา และ 5) พัฒนาแนวทางการสนับสนุนงานบริหารวิชาการเพื่อส่งเสริมวิจัยของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยุทธศาสตร์ที่ได้ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ประเด็นยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ มาตรการและตัวชี้วัด มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด และองค์ประกอบยุทธศาสตร์มีความสอดคล้อง
References
แผนพัฒนาการศึกษาของ สป. ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560–2564). หน้า 5.
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงาน. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 (พ. ศ. 2545-2549).
เบญวรรณ สกุลเนรมิต. การบริหารงานวิชาการอย่างมีคุณภาพของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสามัญ-ศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2545.
ประพันธ์ แม้วเวียงแก. การบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย; 2548.
อุทุมพร จามรมาน.การวิจัยในชั้นเรียนและในโรงเรียนเพื่อพัฒนาโรงเรียน.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ฟันนี่; 2544.
บัญชา อึ๋งสกุล. บทบาทของผู้บริหารที่มีต่อการส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียน. สารพัฒนาหลักสูตร.2539.
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักงาน. แนวทางการกระจายอำนาจบริหาร และการจัดการศึกษาให้คณะกรรมการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ตามกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศ จำกัด; 2550.
รังสรรค์ ประเสริฐศรี. การจัดการสมัยใหม่. กรุงเทพฯ: ธรรมสาร; 2549.
วิชิต บุญเลิศ. ปัญหาการบริหารงานวิชาการระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 2543.
นงลักษณ์ วิรัชชัย, สุวิมล ว่องวาณิช และอวยพร เรืองตระกูล. การประเมินผลการปฏิรูปการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ. (อัดสำเนา). 2547.
วิภาดา คุปตานนท์. การจัดการและพฤติกรรมองค์การ: เทคนิคการจัดการสมัยใหม่. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรังสิต; 2551.
จิราภรณ์ สพทานนท์. การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการทำวิจัยของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและพัฒนาการสอนเทคนิคศึกษาภาควิชาครุศาสตร์เครื่องกล บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. 2552.
Park, J. E. A case study analysis of strategic planning in a continuing higher Education organization. Dissertation Abstracts International. (Volume 58-05). University of Pennsylvania. 1997.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
ผู้นิพนธ์ต้องรับผิดชอบข้อความในบทนิพนธ์ของตน มหาวิทยาลัยพะเยาไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความที่ตีพิมพ์เสมอไป ผู้สนใจสามารถคัดลอก และนำไปใช้ได้ แต่จะต้องขออนุมัติเจ้าของ และได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน พร้อมกับมีการอ้างอิงและกล่าวคำขอบคุณให้ถูกต้องด้วย
The authors are themselves responsible for their contents. Signed articles may not always reflect the opinion of University of Phayao. The articles can be reproduced and reprinted, provided that permission is given by the authors and acknowledgement must be given.