การพัฒนารูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูผู้สอนภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • พิมพิกา ศรีเกื้อกลิ่น นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
  • วิชิต กำมันตะคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

คำสำคัญ:

ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ, ครูผู้สอนภาษาไทย, ทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์การจัดการ เรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะ การอ่านเชิงวิเคราะห์ของครูผู้สอนภาษาไทยระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2) สร้างรูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวิชาชีพของครูผู้สอนภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เชิงวิเคราะห์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3)ศึกษาผลการใช้รูปแบบ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ของครูผู้สอนภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ 4) ประเมินรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูผู้สอนภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ระดับมัธยม ศึกษาตอนต้น โดยใช้การวิจัยและพัฒนา ดำเนินการ 4 ระยะคือ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพ ที่พึงประสงค์ การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นผู้บริหาร สถานศึกษา จำนวน 10 คน และครู จำนวน 12 คน และครูผู้สอนภาษาไทยซึ่งให้ข้อมูล สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ จำนวน 110 คน 2) สร้างรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครู กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 20 คน   3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 12 คน และ 4) ประเมินรูปแบบ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 12 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่  แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม และแบบประเมิน สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน เชิงวิเคราะห์อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก 2) รูปแบบของชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวิชาชีพมี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ กระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และเงื่อนไขความสำเร็จ และผลการประเมินรูปแบบโดยรวม มีความเหมาะสม และความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมากที่สุด 3) ผลการใช้รูปแบบ พบว่า คุณภาพของแผนการจัด การเรียนรู้ สมรรถนะการจัดการเรียนรู้ โดยรวมมีผลการประเมินมากที่สุด ความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบโดยรวมมากที่สุด ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยรวมมากที่สุด และ 4) รูปแบบมีความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้อง ในระดับมากที่สุด

เอกสารอ้างอิง

เข็มทอง ศิริแสงเลิศ. (2561). การพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. ประมวลสาระ ชุดวิชา นวัตกรรมการบริหารการศึกษาและภาวะผู้นำ หน่วยที่ 1-7. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช.

ชูชาติ พ่วงสมจิตร์. (2560). ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพในสถานศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ, 10(1), 34-41.

ทิพย์วรรณ สุขใจรุ่งวัฒนา และธีรศักดิ์ อุ่นอารมณ์เลิศ. (2553). การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียน ที่ดีของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 1(2), 126-139.

ทิศนา แขมมณี. (2556). รูปแบบการเรียนการสอน : ทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2559). ทฤษฎีและการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: ทริปเพิ้ล เอ็ดดูเคชั่น.

ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง และอรพิณ ศิริสัมพันธ์. (2561). ยุทธวิธีการสอนเพื่อการเรียนรู้เชิงรุก: องค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ สำหรับแผนการเรียนการสอน. ศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 8(2), 386-389.

ประภาภาณ์ คำโอภาส. (2560). รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยในเขตภาคเหนือตอนบน. ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2561). การเรียนรู้เชิงรุกแนวรวมพลังกัน PLC เพื่อการพัฒนา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพรทิพย์ แข็งขัน. (2551). สมรรถนะครูและแนวทางการพัฒนาครูในสังคมที่เปลี่ยนแปลง. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิก.

วัชรา เล่าเรียนดี, ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง และอรพิณ คิริสัมพันธ์. (2560). กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อพัฒนาการคิด และยกระดับคุณภาพการศึกษา สำหรับศตวรรษที่ 21. นครปฐม: เพชรเกษมพริ้นติ้ง กรุ๊ป.

วิจารณ์ พานิช. (2554). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: ตถาตา พับลิเคชั่น.

สฤษดิ์ วิวาสุขุ. (2565). รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โรงเรียนจอมพระ ประชาสรรค์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 7(2), 36-54.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2561). การประเมินตนเองและจัดทำแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan : ID PLAN). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

สำนักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพภายนอก. (2557). สรุปผลการประเมินภายนอกรอบสาม เอกสารประกอบการประชุม วาระที่ 6.4.1. กรุงเทพฯ: สำนักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพภายนอก.

Arends, R. I. (1997). Classroom Instruction and Management. New York: McGraw Hill.

Barber, M., Chijioke, C. and Mourshed, M. (2010). How the world’s most improved schoolsystems keep getting better. Retrieved May 24, 2004, from http://www.pearson.com/michael-barber.

Bloom, M. A. (1961). Taxonomy of Educational Objectives, Handbook: Cognitive Domain. New York: David McKay.

DuFour, R. and Eaker, R. (1998). Professional Learning Communities at Work: Best Practices for Enhancing Student Achievement. Bloomington, IN: Berlin: Solution Tree Press.

Hallam, J., Berdeni. D., Grayson R Guest, E. J., Holden, J., Lappage, M. G., Miller, M. T., Robinson, D. A., Turner, A., Leake, J. R. and Hodson, M. E. (2015). Trust and Collaboration in PLC Teams: Teacher Relationships, Principal Support, and Collaborative Benefits. NASSP Bulletin, 99(3), 193-216.

Hargreaves, A. (2003). Teaching In the Knowledge Society: Education in the Age of Insecurity. New York: Teacher College Press.

Hord, S. M. (2004). Learning Together, Leading Together: Changing Schools Through Professional Learning Communities. New York: Teachers College Press.

Hord, S. M. (2008). Leading Professional Learning Communities: Voices from Research and Practice. Thousand Oaks. California: Corwin.

Joyce, B. and Weil, M. (2000). Models of Teaching. Massachusetts: Allyn and Bacon.

Marlowe, B. A. and Page, M. L. (2005). Creating and Sustaining the Constructivist Classroom (2nd ed.). California: Corwin Press.

Saylor, J. G., Alexander, W. M. and Lewis, A. J. (1981) Curriculum Planning for Better Teaching and Learning (4th ed.). New York: Holt, Rinehart and Winston.

Stoll, L., Bolam, R., McMahon, A., Wallace, M., Thomas, S., Hawkey, K. and Smith, M. (2003). Professional Learning Community. New York: Open University Press.

Strahan, E. (2002). Moral, leadership: Getting to the Heart of School Improvement. San Francisco: Jossey-Bass.

Supovitz, J. (2002). Developing Communities of Instructional Practice. Teachers College Record, 10(4), 1591-1626.

Thompson, S. C., Gregg, L. and Niska, J. M. (2004). Professional learning communities, leadership, and student learning. RMLE Online, 28(1), 1-15.

Waters, T. and Cameron, G. (2005). The balanced leadership framework: Connecting vision with action. Denver, Colorado: Mid-continent Research for Education and Learning.

Wenger, E. C. and Snyder, W. M. (2000). Communities of Practice: The Organizational Factor. Harvard Business Review, 73(7), 139-145.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-12-29

รูปแบบการอ้างอิง

ศรีเกื้อกลิ่น พ., & กำมันตะคุณ ว. (2024). การพัฒนารูปแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูผู้สอนภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, 18(3), 107–124. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/reru/article/view/270651

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย