การจัดการความรู้สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กรณีศึกษา ตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
คำสำคัญ:
การจัดการความรู้, การพัฒนาที่ยั่งยืน, ปรัชญาของเศรษฐกิจบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจ รวบรวม จัดทำฐานข้อมูลทุนทางสังคมที่มีอยู่ในพื้นที่ และพัฒนาทุนทางสังคมที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2) ศึกษาปัจจัยเงื่อนไขที่ส่งผลต่อการจัดการรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน
ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการผลิตและการบริโภค 3) พัฒนาตัวแบบการจัดการรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการผลิตและการบริโภค และ 4) ถ่ายทอดองค์ความรู้การพัฒนาที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านการผลิตและการบริโภค ซึ่งเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีพื้นที่วิจัย ได้แก่ หมู่ที่ 1-14 ตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ทีมผู้นำ และเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู จำนวน 7 คน ตัวแทนผู้นำชุมชน
และชาวบ้าน จำนวน 23 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึกและการสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูล
ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาทุนทางสังคมที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการผลิต และการบริโภคในชุมชนโก่งธนูนั้น มาจากการเข้าร่วมและดำเนินการดังนี้ 1) โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ซึ่งช่วยให้ชุมชนโก่งธนูมีความมั่นคงทางอาหาร ชาวบ้านมีสุขภาพดี บริโภคพืชผักปลอดสารพิษ และมีความสุขกับชีวิตที่พอเพียง และ 2) “โก่งธนูโมเดล” การบริหารจัดการขยะชุมชน ตามหลัก 3Rs ชาวบ้านมีวินัย และร่วมมือร่วมใจคัดแยกขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นทาง และนำฝากขายที่ “ธนาคารขยะ” ทำให้ชุมชนสะอาด มีสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม
ที่ดี และเป็นชุมชนต้นแบบ รวมทั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและโก่งธนูโมเดล สำหรับปัจจัยเงื่อนไขที่ส่งผลต่อการจัดการรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านการผลิตและการบริโภค ได้แก่ “ทีมงานโก่งธนูพลังบวร Change for Good” ซึ่งยึดหลักทรงงาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาดำเนินงานต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จ
เอกสารอ้างอิง
จามรี พระสุนิล. (2562). ย้อนรอยพระบาทที่ยาตรา เรียนรู้สู่ศาสตร์พระราชา. วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์, 36(3), 1-38.
ณวกษิดิศ พลพลากรณ์โสภณ, มยุรี รัตนเสริมพงศ์ และวาสิตา เกิดผล ประสพศักดิ์. (2565). การจัดการความรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการนำไปพัฒนาชุมชนขององค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี. วารสารวิชาการ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา, 10(1), 101 - 129.
บ้านเมือง. (2562). พช. ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม 2566, จาก https://www. banmuang.co.th/news/politic/168823
บำเพ็ญ เขียวหวาน. (2563). เอกสารการสอนชุดวิชาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการจัดการการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม (หน่วยที่ 15). นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
เริงวิชญ์ นิลโคตร, นิภาวรรณ เจริญลักษณ์, วงษ์สิริ เรืองศรี และฐิติวัสส์ สุขป้อม. (2564). การประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชาเพื่อเสริมพลังอำนาจสุขภาวะชุมชน. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 5(2), 54-69.
สมชัย แสนภูมี และวิณากร ที่รัก. (2565). การประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชากับการวิเคราะห์ปัญหาชุมชนในจังหวัดนครปฐม. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 22(4), 229-240.
องค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู. (2565). ข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้นเมื่อ 11 ธันวาคม 2565, จาก https://www.kongthanu.go.th/home
Arifudin, B. N. and Maswadi. (2013). Program of Community Empowerment Prevents Forest Fires in Indonesian Peat Land. Procedia Environmental Sciences, 17(1), 129-134.
Brinkerhoff, D. W. and Omar, A. (2006). Decentralization and Community Empowerment: Does community
empowerment deepen democracy and improve service delivery?. Washington DC: International Development Office of Democracy and Governance.
Burin, J. (2022). Sustainable Community Model: Klong Thong Noodle. Retrieved January 21, 2023,
From https://www.pass iongen.com/burin-journey/2022/16
Mookpadit, M. (2005). An Analytical Study of H. M. The King’s Sufficiency Economy Philosophy and Buddhism. Dissertation Doctor of Philosophy. Bangkok: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว