การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร
คำสำคัญ:
การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร, ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ, คะแนนพัฒนาการบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร โดยมีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึ้นไป และ 2) เพื่อศึกษาคะแนนพัฒนาการ
ทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
(Action Research) มีวงรอบปฏิบัติการวิจัย 3 วงรอบ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตดวงฤทัย ทัยกมลวิชชาลัย อำเภอหนองพอกจังหวัดร้อยเอ็ด ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 18 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้
ในการปฏิบัติการ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารจำนวน 10 แผน และ แบบทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 ข้อ และ 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนและแบบสัมภาษณ์นักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า
1) การทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารวงรอบปฏิบัติการที่ 1 พบว่านักเรียนมีคะแนนทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษ
คิดเป็นร้อยละ 64.44 มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ 7 คน คิดเป็นร้อยละ 38.89 วงรอบปฏิบัติการที่ 2 นักเรียนมีคะแนน
ทักษะการฟังภาษาอังกฤษคิดเป็นร้อยละ 69.63 มีนักเรียนผ่านเกณฑ์ 10 คน คิดเป็นร้อยละ 55.56 และวงรอบปฏิบัติการที่ 3 นักเรียนมีคะแนนทักษะการฟังภาษาอังกฤษคิดเป็นร้อยละ 82.59 มีนักเรียนผ่านเกณฑ์จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ดังนั้นการทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนในวงรอบที่ 3 จึงผ่านเกณฑ์ที่กำหนด 2) นักเรียนที่ได้รับการจัดการ
เรียนรู้ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารมีคะแนนพัฒนาการด้านทักษะฟังภาษาอังกฤษวงรอบปฏิบัติการที่ 1 และวงรอบปฏิบัติการที่ 2 มีคะแนนพัฒนาการเฉลี่ยร้อยละ 34.63 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์พัฒนาการระดับกลาง ส่วนคะแนนพัฒนาการด้านทักษะการฟังภาษาอังกฤษวงรอบปฏิบัติการที่ 2 และวงรอบปฏิบัติการที่ 3 มีคะแนนพัฒนาการเฉลี่ยร้อยละ 67.26 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์พัฒนาการระดับสูง
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. (2561). นโยบายและจุดเน้น ศธ.ระดับประถมศึกษา. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2565, จาก https://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). การประกันคุณภาพของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
เกรียงศักดิ์ ฐานะกอง. (2559). การใช้กิจกรรมการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการฟัง พูดภาษาอังกฤษและความรู้ด้านไวยากรณ์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรการสอนและเทคโนโลยีการเรียนรู้. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
จุฑามาศ ชนะภัย. (2561). การพัฒนาความสามารถด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการเรียนการสอน.
มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ธูปทอง กว้างสวาสดิ์. (2549). คู่มือการสอนภาษาอังกฤษ. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
มณีรัตน์ กรรณิกา. (2561). การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษโดยใช้รายการโทรทัศน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
รมัยาภรณ์ สุขเกษม. (2554). ผลการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารที่เน้นการฟัง-พูด
และการเสริมแรงบวกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตร
และการสอน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
โรงเรียนสาธิตดวงฤทัย ทัยกมลวิชชาลัย. (2562). รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2562. ร้อยเอ็ด: โรงเรียนสาธิตดวงฤทัย ทัยกมลวิชชาลัย.
วราพรรณ จิตรัมย์. (2559). ผลการใช้ชุดกิจกรรมฝึกทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยการเรียนรู้เทคนิค CLT. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้.
บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
วาสนา สิงห์ทองลา. (2555). การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้รูปแบบ
การจัดการเรียนรู้ภาษาเพื่อการสื่อสาร. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน.
ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2552). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุมิตรา อังวัฒนกุล. (2540). วิธีสอนภาษาอังกฤษ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Escola, Y. H. (1980). Certain Effects of Selected Activities of Communicative Competence Training on
the Development of German: A Case Study. Dissertation Abstracts International, 41: 1985-A.
Kemmis, S. and McTaggart, R. (1988). The Action Research Planer (3rd ed.). Victoria: Deakin University.
Larsen-Freeman, D. (2000). Techniques and Principles in Language Teaching (2nd ed.). Oxford: OUP.
Littlewood, W. (1990). Communicative Language Teaching: An Introduction. Cambridge: Cambridge
University Press.
Ma, T. (2009). An empirical study on teaching listening in CLT. Retrieved June 25, 2015,
from http://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1065671.pdf
Richards, J. C. and Rodgers, T. S. (2003). Approaches and methods in language teaching. New York:
Cambridge University Press.
Richards, J. C. and Rodgers, S. T. (1999). Approaches and Methods in Language Teaching (5th ed.).
Cambridge: Cambridge University Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว