การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
คำสำคัญ:
ความสามารถในการคิดวิเคราะห์, แนวคิดคอนสตรัคติวิสต์, กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อนคู่คิดบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีคะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านคานหักโนนใหญ่ (ศิริเกตุประชาวิทย์) อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 21 คน โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ จำนวน 3 วงจร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ จำนวน 7 แผนการเรียนรู้ จำนวน 14 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 84 ข้อ 2) แบบสะท้อนผลการเรียนรู้
ของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและร้อยละ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัยการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่าในวงจรปฏิบัติการที่ 1 นักเรียนที่ผ่านเกณฑ์มีจำนวน 2 คน และมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 19 คน มีคะแนนเฉลี่ย 7.67 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4.12 คิดเป็นร้อยละ 31.94 ในวงจรปฏิบัติการที่ 2 นักเรียนที่ผ่านเกณฑ์มีจำนวน 4 คน และมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 17 คน มีคะแนนเฉลี่ย 14.43 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.29
คิดเป็นร้อยละ 60.12 ในวงจรปฏิบัติการที่ 3 นักเรียนที่ผ่านเกณฑ์มีจำนวน 14 คน และมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 7 คน
มีคะแนนเฉลี่ย 26.24 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.98 คิดเป็นร้อยละ 72.88 นักเรียนที่มีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึ้นไป
คิดเป็นร้อยละ 66.67 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด 21 คน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2561). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
ทิศนา แขมมณี. (2562). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 23).กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นงลักษณ์ งามวาจา. (2560). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องภูมิศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดปู่เจ้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยใช้เทคนิคการสอนแบบซิปปา (CIPPA Model). วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
โรงเรียนบ้านคานหักโนนใหญ่ (ศิริเกตุประชาวิทย์). (2563). รายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา โรงเรียนบ้านคานหักโนนใหญ่ (ศิริเกตุประชาวิทย์) (Self-Assessment Report) ปีการศึกษา 2562. ร้อยเอ็ด: โรงเรียนบ้านคานหักโนนใหญ่ (ศิริเกตุประชาวิทย์).
วิภาวรรณ สุขสุวรรณ. (2559). การพัฒนากิจกรรมเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการเรียนการสอน. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สุนิสา บางพิเศษ และประสาท เนืองเฉลิม (2562:). ศึกษางานวิจัยเรื่องการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, 13(3), 184-195.
อโนมา ทุพแหม่ง. (2560). การพัฒนาคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับการใช้สมองเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างการคิดวิเคราะห์ความสามารถในการให้เหตุผลและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาการศึกษา. สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
Jong, S. K. (2005). The Effects of a Constructivist Teaching Approach on Student Academic Achievement, Self-concept, and Learning Strategies. Asia Pacific Education Review, 6(1), 7-19.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว