การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กรณีศึกษาลุ่มน้ำลำโดมใหญ่

ผู้แต่ง

  • อนุชา เพียรชนะ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
  • จิริญา แก้วปัชฌาย์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
  • ช่อผกา วงษ์สมบัติ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

คำสำคัญ:

การมีส่วนร่วม, การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ, ลุ่มน้ำลำโดมใหญ่

บทคัดย่อ

              การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่แม่น้ำลำโดมใหญ่ 2) ศึกษาการมีส่วนร่วมและความต้องการของประชาชนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และ 3) ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาในการบริหารจัดการ
การใช้ทรัพยากรน้ำ พื้นที่ศึกษา 6 อำเภอ ที่มีพื้นที่ติดกับลำโดมใหญ่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคือ กลุ่มผู้ใช้น้ำ ปราชญ์ชาวบ้าน บุคคลที่ชุมชนเคารพนับถือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น จำนวน 91,048 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยนำข้อมูลที่ได้ตามแบบสอบถาม นำเข้าสู่เวทีการประชุมแบบมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย
เวทีละ 30คน/เวที ประกอบด้วย ผู้นำชุมชนท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำศาสนา และตัวแทนชุมชน รวม 10 เวที        

ผลการศึกษาพบว่า สภาพเศรษฐกิจประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลัก ทำไร่เป็นอาชีพรอง
มีรายได้น้อยกว่า 5,000 บาทต่อเดือน และมีภาระและหนี้สิน สภาพสังคมส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ มากกว่า 25 ปีขึ้นไป และไม่คิดจะย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น กลุ่มตัวอย่างมีพื้นที่ถือครองเป็นของตนเองร้อยละ 73.30 โดยมีกรรมสิทธิ์การถือครอง
ส่วนใหญ่จะมีโฉนดที่ดินเป็นของตนเอง ด้านการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำ พบว่ากลุ่มตัวอย่างในภาพรวมมีส่วนร่วม
ในระดับปานกลาง โดยเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมเป็นบางครั้งและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน้ำ 4-7 ครั้งต่อปี
และมีความต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในภาพรวมระดับปานกลาง ส่วนปัญหาอุปสรรคในการมีส่วนร่วมของประชาชน
พบว่าปัญหาที่พบมากที่สุดคือประชาชนขาดความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรน้ำ ร้อยละ 49.00 รองลงมาคือปัญหาการจัดการทรัพยากรน้ำที่ประชาชนไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองต้องเข้าร่วมกับหน่วยงานอื่นจึงจะสำเร็จ ร้อยละ 46.00 และปัญหาขาดผู้นำที่มีความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรน้ำร้อยละ 44.50 ตามลำดับ ผลจากการจัดเวทีการประชุมแบบมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความยั่งยืนจะต้องมีคณะทำงานในระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด เพื่อเชื่อมประสานงานขอความช่วยเหลือ ประชาชนจะต้องเป็นส่วนสำคัญในการวางแผน และแจ้งความต้องการแก่หน่วยงาน
ที่รับผิดชอบด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อให้หน่วยงานนั้นดำเนินการตามความต้องการของประชาชนผู้ใช้น้ำ และเพื่อหาแนวทาง
และแหล่งงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

เอกสารอ้างอิง

กมล หอมกลิ่น, โสวัตรีณ ถลาง และวิพักตร์ จินตนา. (2556). การปรับตัวทางวัฒนธรรมของชุมชนต่อการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างฝายลำโดมใหญ่ ตำบลไร่ใต้ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาสังคม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

กวี วงศ์พุฒ. (2535). ภาวะผู้นำ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมวิชาชีพบัญชี กรุงเทพ.

เขมิกา ยามะรัต. (2527). ความพึงพอใจในชีวิตของคนชรา: กรณีข้าราชการบำนาญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์. วิทยานิพนธ์ สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ฉัตรพงษ์ สุขเกื้อ, ชาตรี วิระสิทธิ์ และประนอม สุขเกื้อ. (2556). การมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยา ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ.

ชลธร ทิพย์สุวรรณ. (2557). ปัจจัยที่นำไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบรูรณาการลุ่มน้ำสาขาแม่ริม. ดุษฎีนิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและสาละวินศึกษา. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.

ณรงค์ เส็งประชา. (2541). มนุษย์กับสังคม (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.

นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์. (2527). กลวิธีการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชนบท. กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุขมหาวิทยาลัยมหิดล.

บุญชม ศรีสะอาด. (2557). การวิจัยทางการวัดผลและประเมินผล. กรุงเทพฯ: สุวิริยาสาสน์.

บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2553). เทคนิคการสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: ศรีอนันต์การพิมพ์.

เบญจพรรณ สุวรรณท้าว. (2558). ศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนตำบลนาเลิง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 5(1), 212-238.

เมธาวี นินนานนท์. (2551). การใช้สัตว์หน้าดินในการบ่งชี้ปริมาณสารอินทรีย์ในสิ่งแวดล้อมบริเวณแม่น้ำปะกง. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยบูรพาใหญ่.

สุปราณี โล่ภักดีสวัสดิ์ และวิโรจน์ เจษฎาลักษณ์. (2558). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครนายก. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สุพัตรา สุภาพ. (2548). สังคมวิทยา. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.

อภิเดช สิทธิพรหม และเทพศักดิ์ บุณยรัตพันธุ์. (2558). ศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบลรอบเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารอิเล็กทรอนิกส์การเรียนรู้ทางไกลเชิงนวัตกรรม (e-JODIL), 8(1), 137-149.

อคิน ระพีพัฒน์. (2527). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาชนบทในสถานสงเคราะห์วัฒนธรรมไทยในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา. ศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล.

Taro, Y. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row Publications.

Cohan, J. M. and Uphoff, N. T. (1997). Rural Development Participation: Concepts and Measure for Project Design. New York: Comet University.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-08-31

รูปแบบการอ้างอิง

เพียรชนะ อ., แก้วปัชฌาย์ จ., & วงษ์สมบัติ ช. (2022). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กรณีศึกษาลุ่มน้ำลำโดมใหญ่. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, 16(2), 198–209. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/reru/article/view/250875

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย