เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยวรรณกรรมพื้นบ้านอีสาน: ร้อยเรื่องเมืองยโสธร
คำสำคัญ:
เส้นทางท่องเที่ยว, วรรณกรรมพื้นบ้านอีสาน, ร้องเรื่องเมืองยโสธรบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาประวัติความเป็นมา ตำนาน วัฒนธรรม ความเชื่อของแหล่งท่องเที่ยว ที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมพื้นบ้านอีสานในจังหวัดยโสธร ประเมินศักยภาพและความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมพื้นบ้านอีสานในจังหวัดยโสธร และออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยวรรณกรรมพื้นบ้านอีสาน จากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน ในพื้นที่กรณีศึกษา โดยวิธี การเลือกการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 18 คน และกลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณ ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 400 คน ใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (Semi Structured Interview) และแบบสอบถาม (Questionnaire) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการ Content Analysis และใช้เทคนิคทางสถิติ คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ประวัติความเป็นมา ตำนาน ความเชื่อของแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมในจังหวัดยโสธรมีทั้งหมด 8 แห่ง จากการประเมินความสำคัญทางวัฒนธรรมและศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวแล้วอยู่ในระดับมากทุกด้าน และสามารถจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยวรรณกรรมพื้นบ้านอีสานในจังหวัดยโสธร ใน 1 วัน ได้ดังนี้ เริ่มที่ พระธาตุอานนท์ ชุมชนเมืองเก่าบ้านท่าสิงห์ ศาลหลักเมืองจังหวัดยโสธร วัดศรีธรรมมาราม พิพิธภัณฑ์พญาคักคาก โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หมู่บ้านทำหมอนขิดบ้านศรีฐาน ปิดท้ายที่พระธาตุก่องข้าวน้อย โดยหน่วยงานภาครัฐหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถนำผลการวิจัยนี้ ไปจัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยวรรณกรรมพื้นบ้านอีสาน เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันที่นิยมหันมาให้ความสนใจทางด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้มาท่องเที่ยวยังจังหวัดยโสธรเพิ่มมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กฤษดา ขุ่นอาภัย. (2552). การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กรณีศึกษาบ้านลวงเหนือ ตำบลลวงเหนือ อำเภอเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่. การค้นคว้าแบบอิสระ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนาสังคม. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
กาญจนา จันทร์สิงห์. (2560). งานประเพณีบุญบั้งไฟ. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2560, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=135&code_db=610004&code_type=01
ชลิตา เฉลิมรักชาติ. (2560). ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีต่อวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย. การค้นคว้าแบบอิสระ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
เบญญทิพย์ ทองวิไล. (2559). การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจของเส้นทางการท่องเที่ยวอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย. การค้นคว้าอิสระ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
ภัทรา แจ้งใจเจริญ. (2558). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกรณีศึกษา ชุมชนโอหงิมาจิ หมู่บ้านชิราคาว่าโก จังหวัดกิฝุ ประเทศญี่ปุ่น. การค้นคว้าแบบอิสระ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาญี่ปุ่นศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์.
วิภาวี พลรัตน์. (2551). การพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางน้ำ: กรณีศึกษา ย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์อดีตราช ธานี
กรุงธนบุรี. การค้นคว้าแบบอิสระ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวางแผนและการจัดการการท่องเที่ยว เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วีรพล ทองมา. (2554). การบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่
ลุ่มน้ำแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่. ทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ.
เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธร. (2560). จำนวนนักท่องเที่ยว/ รายได้จากการท่องเที่ยว. สืบค้นเมื่อ
เมษายน 2560, จาก https://yasothon.mots.go.th/more_news.php?cid=49
สุธาสินี วิยาภรณ์. (2559). การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ปราสาทสด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว. การประชุม วิชาการและเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 3 ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2: บูรณาการงานวิจัย ใช้องค์ความรู้
สู่ความยั่งยืน, 3, 545-555.
อภิญญา สุพิชญ์. (2556). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กรณีศึกษา บ้านสิงห์ท่า
อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร. การค้นคว้าแบบอิสระ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว.
ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อัศวิน แสงพิกุล. (2556). ระเบียบวิธีวิจัยด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
Australia ICOMOS. (1999). The Burra Charter: The Australia ICOMOS Charter for Places of Cultural Signifincance 1999, Burwood: Australia ICOMOS. Retrieved January 22, 2018,
From https://www.patinations.com.au/pdf/the-burra-charter.pdf
Buhalis, D. (2000). Marketing the competitive destination in the future. Tourism Management, 21(1), 97-116.
Erose Sthapit. (2013). Tourists' Perceptions of Memorable Experiences: Testing the Memorable Tourism Experience Scale among Tourist to Rovaiemi Lapland. Independent Study Master of Arts Culture Tourism and International Management. Lapland: The University of Lapland.
ICOMOS China. (2015). Principles for the Conservation of Heritage Sites in China. China : The Getty Conservation Institute. Retrieved January 22, 2018, From http://www.getty.edu/conservation/publications_resources/pdf_publications/pdf/china_prin_heri tage_sites_2015.pdf
Krejcie, R.V. and Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Tourism Western Australia. (2009). Five’s of Tourism. Retrieved January 22, 2018,
From www.Tourism.wa.gov.au
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว