แนวทางการพัฒนากลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินเขวาสินรินทร์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
แนวทางการพัฒนา, กลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงิน, การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทรัพยากรทางการท่องเที่ยว และศึกษาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินเขวาสินรินทร์ และเสนอแนวทางในการพัฒนากลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินเขวาสินรินทร์ เพื่อรองรับ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวน 20 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบสอบถาม และพรรณนาวิเคราะห์เนื้อหา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่าทรัพยากรทางการท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินเขวาสินรินทร์ ที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของชุมชน คือ การแสดงกรรมวิธีการผลิตประเกือม รวมถึงหัตกรรมผ้าไหม อาหารและขนมท้องถิ่น ส่วนศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พบว่าความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ซึ่งด้านแหล่งท่องเที่ยว มีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นสูงสุดในเรื่องของเอกลักษณ์ วัฒนธรรม วิถีชีวิตดั้งเดิมของท้องถิ่น และมีผลิตภัณฑ์จากเครื่องเงินจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว ส่วนด้านที่พักแรม มีกลุ่มที่เข้าพักส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น และแนวทางการพัฒนากลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินเขวาสินรินทร์ ควรเริ่มต้นจากการสร้างความเข้าใจ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในชุมชน จากนั้นจึงกำหนดกลยุทธ์ด้านการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวควบคู่กับการพัฒนากิจกรรม โดยให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ในขณะเดียวกันภาครัฐควรมีการสนับสนุนงบประมาณและการให้ความรู้อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการ เพื่อการบริหารที่มีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน
References
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2560). โครงการทิศทางการพัฒนาท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะ 10 ปี. สืบค้นเมื่อ
พฤษภาคม 2560, จาก ้https://secretary.mots.go.th/ewtadmin/ewt/policy/article_attach/02FinalReportDirection10Year.pdf
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2562). รายงานภาวะเศษฐกิจการท่องเที่ยว. สืบค้นเมื่อ 28 มีนาคม 2562, จาก https://www.mots.go.th/download/a rticle/ article_20191025094442.pdf
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
เบญจมาศ ณ ทองแก้ว, อำนาจ รักษาพล, จุฑามาศ เพ็งโคนา และบุญศิลป์ จิตตะประพันธ์. (2560). ศักยภาพและแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตำบลคันธุลี จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารวิจัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่, 9(2), 106-121.
ปิยธิดา หงส์ศรี. (2560). แนวทางในการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยว ถนนคนเดินอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและโรงแรม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ลินจง โพชารี. (2559). รายงานการวิจัยการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนสะพานไม้แกดำ ตำบลแกดำ อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วิตติกา ทางชั้น. (2557). การพัฒนาตัวชี้วัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีสานริมชายแดนโขงสู่ความยั่งยืน. ดุษฎีนิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการนวัตกรรมการท่องเที่ยวและการจัดการ. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วีระพล ทองมา. (2559). การท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community Based Tourism :CBT) สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในเขตที่ดินป่าไม้. สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2562, จาก www.dnp.go.th/ fca16/file/i49xy4ghqzsh3j1.doc
สำนักงานสถิติจังหวัดสุรินทร์. (2559). สถิตินักท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2559. สืบค้นเมื่อ 17 มกราคม 2561,
จาก http://surin.old.nso.go.th/nso/project/search_option/index.jsp?province_id=76
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์. (2557). ของที่ระลึก. สุรินทร์: องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์.
อภิวัตน์ ภูริศิวารักษ์. (2558). การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน ศึกษาพื้นที่บ้านฝั่งท่า หมู่ 5 ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชนบทศึกษาและการพัฒนา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Krejcie, R.V. and Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว