การศึกษาความสามารถในการรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 26 จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 , การรู้วิทยาศาสตร์ , นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อศึกษาความสามารถในการรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 จำนวน 4 โรงเรียน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 รวมทั้งสิ้น 100 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบทดสอบการรู้วิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ คะแนนเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าเอฟ (f-test) ผลการวิจัยพบว่าความสามารถในการรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 4 โรงเรียน มีระดับการรู้วิทยาศาสตร์ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มีระดับการรู้วิทยาศาสตร์ร้อยละเฉลี่ยอยู่ที่ระดับที่ 2 คือร้อยละ 42.30 ซึ่งต่ำกว่าระดับมาตรฐานตามกรอบการประเมินของ OECD
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
โครงการ PISA ประเทศไทย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.(2561). ผลการประเมิน PISA 2015 วิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ ความเป็นเลิศและความเท่าเทียมทางการศึกษา. กรุงเทพฯ :
บริษัท ซัคเซสพับลิเคชั่น จำกัด.
พุทธริธร บูรณสถิตวงศ์, สุรีย์พร สว่างเมฆ และปราณี นางงาม. (2560). การสำรวจสมรรถนะการอธิบายปรากฏการณ์
ในเชิงวิทยาศาสตร์และสมรรถนะการแปลความหมายข้อมูลและประจักษ์พยานในเชิงวิทยาศาสตร์ตามกรอบ
การประเมินของ PISA 2015 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 แห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกนเรศวร.
วารสารกลุ่มมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 21(1), 1019–1031.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2551). การรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ กรอบการประเมินผลวิทยาศาสตร์
ของ PISA 2006. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2562, จาก https://pisathailand.ipst.ac.th/about-pisa/scientific-literacy/
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). ตัวอย่างข้อสอบการประเมินผลนานาชาติ PISA และ TIMSSวิทยาศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท).
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2560). สรุปผลการประเมิน PISA 2015. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2562, จาก https://pisathailand.ipst.ac.th/news-8/
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2560). ประเด็นหลักและนัยทางการศึกษาจาก PISA 2015:
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2562, จาก https://pisathailand.ipst.ac.th/isbn- 9786163626011/
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (2561). โครงการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา Thailand 4.0 ที่เน้น Active learning แบบยั่งยืน. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2562, จาก http://www.matthayom13.go.th/site/files/new/2561/12/910.pdf
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26. (2562). ข้อมูลพื้นฐานโรงเรียน สังกัด สพม. เขต 26 (มหาสารคาม).
สืบค้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2562, จาก https://data.boppobec.info/emis/school.php?Area_CODE=101726
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ 20 ปีกับการบูรณาการสู่แผนยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาจังหวัด. สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม 2562, จาก http://www.ubu.ac.th/web/files_up/03f2017041
DeBoer, G. E. (2000). Scientific Literacy: Another Look at Its Historical and Contemporary Meanings and
Its Relationship to Science Education Reform. Journal of Research in Science Teaching, 37(6), 582-601.
Lin, S. and Mintzes, J. (2010). Learning argumentation skills through instruction in socio scientific issues:
The effect of ability level. International Journal of Science and Mathematics Education, 8(6), 993-1017.
OECD. (2013). PISA 2015 Draft science framework. Paris. Paris: OECD. Retrieved February 5, 2019,
from http://www.oecd.org/pisa/ pisaproducts/pisa2015draftframeworks.htm
Sadler, T. and Zeidler, D. L. (2009). Scientific literacy, PISA, and socioscientific discourse: Assessment for progressive aims of science education. Journal of Research in Science Teaching, 46(8), 909-921.
Yuenyong, C. and Narjaikaew, P. (2009). Scientific Literacy and Thailand Science Education. International
Journal of Environmental and Science Education, 4(3), 335–343.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว