การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ด้วยการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Language Teaching : CLT) ประกอบเพลง ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
คำสำคัญ:
กิจกรรมประกอบเพลง, การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ, ความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษบทคัดย่อ
วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ด้วยวิธีการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ประกอบเพลง ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบความสามารถด้านการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารประกอบเพลง 3) ศึกษาความคงทนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ด้วยการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ประกอบเพลง 4) ศึกษาเจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนดงเกลือวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ด้วยการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ประกอบเพลง จำนวน 12 แผน 2) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 3) แบบสอบถามเจตคติของนักเรียนในกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และการทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ด้วยการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ประกอบเพลง เท่ากับ 86.44/85.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) นักเรียนมีคะแนนความสามารถด้านการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนมีความคงทนต่อการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยเปรียบเทียบคะแนนทดสอบหลังเรียนกับคะแนนทดสอบหลังสิ้นสุดลงเป็นเวลา 14 วัน มีคะแนนความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ไม่แตกต่างกัน 4) นักเรียนมีเจตคติในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
กรมวิชาการ. (2545). การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2545. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
กระทรวงการต่างประเทศ. (2558). กฎบัตรอาเซียน คำแปล กฎบัตรสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2561, จาก https://sites.google.com/site/krusakaydaow/kdbatr-xaseiyn
โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (2559). สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 39/ โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ.
ดวงเดือน แสงชัย. (2530). รายงานการวิจัยเรื่องศึกษาสัมฤทธิ์ผลการเรียนและเจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้เพลงเป็นกิจกรรมเสริม. กรุงเทพฯ: โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีมาพร สลุงสุข. (2555). การเปรียบเทียบความสามารถในการจำคำศัพท์และเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4 ที่ได้รับการสอนโดยใช้เพลงประกอบกับเกมประกอบ. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ. ลพบุรี: มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.
นิตยา สุวรรณศรี. (2539). เพลงและเกมประกอบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ: คอมแพคท์ปริ้นท์.
ประภาพร นุชอำพันธ์. (2554). การพัฒนาชุดการสอนภาษาอังกฤษ เรื่อง อาหารและสุขภาพ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยพิษณุโลก.
พรรณนที โชติพงศ์. (2552). การใช้กิจกรรมประกอบจังหวะเพื่อพัฒนาความรู้ด้านคำศัพท์และความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
มาริสา กาสุวรรณ์. (2556). ประสิทธิผลของกิจกรรมเพลงภาษาอังกฤษต่อการเรียนรู้และความคงทนของคำศัพท์และความสามารถด้านการพูด. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษานานาชาติ. สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
ศุภวัลย์ ชูมี. (2557). ผลการใช้เพลงประกอบการสอนเพื่อพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ และความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านกาแบง จังหวัดสตูล. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาศึกษาศาสตร์. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ศรีเรือน แก้วกังวาน. (2545). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
สิริพัชร์ เจษฎาวิโรจน์. (2550). การสอนระดับประถมศึกษา 2. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สุมิตรา อังวัฒนกุล. (2540). วิธีการสอนสื่อสารภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักทดสอบทางการศึกษา. (2559). รายงานผลการประเมินคุณภาพผู้เรียนระดับชาติ ปีการศึกษา 2558 : บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2551). แนวทางการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
Brown, H. (2001). Teaching by principles: an Interactive Approach to Language pedagogy. New York: Addison Wesley Longman, Inc.
Davies & Pearse. (2000). Success in English Teaching. Hong Kong: Oxford University Press.
deAndres, V. (2002). The influence of affective variable on EFL/ESL learning and teaching. The journal of Imagination in Language Learning and Teaching, 7(3), 92-97.
Mohammad, Alipour & others. (2012). The effects of songs on EFL learners' vocabulary recall and retention: The case of gender. Advances in Digital Multimedia (ADDM), 1(3),2166-2916.
Murphy, T. (1990). The song stuck in my head phenomenon . A melodic din in the LAD?. System, 18(1), 53-64.
Richards, J. (2006). Communicative language teaching today. New York: Cambridge University Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว