กระบวนการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติของนักศึกษาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
คำสำคัญ:
ทักษะการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบเรียนรวม, การศึกษาแบบเรียนรวม, เด็กพิเศษบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการที่ใช้ในการพัฒนาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติ 2) เพื่อศึกษาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติและ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการพัฒนาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติ จำนวน 97 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจงจากวิทยาศาสตร์ และการศึกษาปฐมวัย สังกัดคณะครุศาสตร์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน แบบฝึกหัดการจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล 3 ชุด และแบบสัมภาษณ์ จากนั้น ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้นำมาทำการวิเคราะห์ด้วยสถิติ คือค่าเฉลี่ย ความถี่และร้อยละ
ผลการวิจัยครั้งนี้ สรุปได้ดังนี้
- กระบวนการพัฒนาการเรียนรู้สามารถใช้ทฤษฎีของบลูม (Bloom’s Taxonomy) ซึ่งกล่าวถึงการจำแนกการเรียนรู้ ดังนี้ ความรู้ที่เกิดจากความจำ ความเข้าใจ การประยุกต์ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมินค่า
- นักศึกษาทำแบบทดสอบหลังเรียน มากกว่าทำแบบทดสอบก่อนเรียน นักศึกษาสามารถเขียนแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลได้คะแนนมากที่สุด
- นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการพัฒนาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กในระดับมาก ข้อที่นักศึกษามีความคิดเห็นระดับมาก ถ้าพิจารณารายข้อ ได้แก่ เนื้อหาสาระและความเหมาะสมของกิจกรรมกับระยะเวลา รองลงมาคือทัศนคติเชิงบวกที่มีต่อเด็กพิเศษหลังจากที่เรียนรู้รายวิชาการศึกษาแบบเรียนรวมและการนำนโยบายการศึกษาแบบเรียนรวมไปปฏิบัติได้จริงเมื่อจบการศึกษา ส่วนข้อที่นักศึกษามีระดับความพึงพอใจต่ำที่สุดคือ องค์ความรู้ของอาจารย์ในการ อธิบาย แนะนำช่วยเหลือข้อสงสัยได้
เอกสารอ้างอิง
กฤษฎา ม่วงพิทักษ์. (2552). การลดพฤติกรรมไม่อยู่นิ่งในชั้นเรียนของเด็กออทิสติกโดยการใช้การชี้แนะด้วยภาพสัญลักษณ์กับการเสริมแรงด้วยเบี้ยอรรถกร. สารนิพนธ์ปริญญา ศษ.ม. (จิตวิทยาการศึกษาพิเศษ). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.
กฤษณา คิดดี. 2547. การพัฒนารูปแบบการประเมินการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. วิทยานิพนธ์ ค.ด. กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กองทุนรัฐวัฒน์ตันมณีเพื่อสิทธิคนออทิสติก. (2548). การเคลื่อนไหวผลักดันรัฐ/สังคมทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://autisticthailand.net/worldmedic/authaiactivities9.htm
เกรียงไกร คล้ายกล่ำ. (2551). อิทธิพลของการสอนและการเอื้ออำนวยที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสถิติประยุกต์ทางพฤติกรรมศาสตร์. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (สถิติการศึกษา). กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดารณี อุทัยรัตนกิจ และคณะ. (2545). การจัดการเรียนรวมสำหรับเด็กออทิสติก. เอกสารประกอบการประชุมปฏิบัติการ เรื่อง ครู หมอ พ่อแม่ : มติการพัฒนาศักยภาพของบุคคลออทิสติก. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
________. (2546). รายงานวิจัยเรื่อง การจัดการเรียนรวมในโรงเรียนและการพัฒนาครูเพื่อการเรียนรู้สูงสุดของนักเรียน. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ทิพวรรณ กมลพัฒนานันท์. (2543). การศึกษาปัจจัยความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วิทยานิพนธ์ สส.ม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
เบญจา ชลธาร์นนท์. (2545). ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการศึกแบบเรียนร่วม. กรุงเทพฯ : สำนักพัฒนาการฝึก ครูสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ
ยาใจ พงษ์บริบูรณ์. (2537). “การวิจัยเชิงปฏิบัติการ,” วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัย ขอนแก่น. 17(มิถุนายน–กันยายน) : 11–15.
เยาวลักษณ์ นานา. (2554). การเตรียมแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายโรงเรียนบ้านขุนแม่ราม อ.กัลยานิวัฒนา จ.เชียงใหม่. การศึกษาค้นคว้าอิสระ ศษ.ม. (การศึกษาพิเศษ). เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ระริน สุรวัฒนานนท์. (2542). การจัดการศึกษาสำหรับเด็กออทิสติกก่อนประถมศึกษา : กรณีศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร. ปริญญานิพนธ์ สส.ม. (บริหารการศึกษา). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ศรีวิไล พลมณี. (2542). รายงานการวิจัย เรื่อง การสอนเป็นคณะ (Team Teaching). เชียงใหม่ : ภาควิชามัธยมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สมนึก ภัททิยธณี. (2537). การประเมินผลการสร้างแบบทดสอบ. พิมพ์ครั้งที่ 4. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์.
สำนักงานคณะกรรมการการประถมแห่งชาติ. (2545). รายงานวิจัยการทดลองนำร่อง : การศึกษาผลการดำเนินงานพัฒนาโรงเรียนร่วมสู่มาตรฐานการศึกษาพิเศษ. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. (ออนไลน์). แหล่งที่มา https://www.mwit.ac.th/~person/01Statutes/ NationalEducation.pdf.
สำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา. (2558). การเรียนการสอนโดยผู้เรียนใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้.
สุนิศา เจือหนองแวง. (2554). การใช้กิจกรรมกระตุ้นระบบการรับรู้ความรู้สึกและการเคลื่อนไหวเพื่อลดการเล่นนิ้วมือในเด็กออทิสติก. วิทยานิพนธ์. (การศึกษาพิเศษ). เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สุนีย์ เหมะประสิทธิ์. (2539). “การวิจัยเชิงปฏิบัติการ,”วารสารศึกษาศาสตร์. 2(กันยายน) : 134–144.
องอาจ นัยพัฒน์. (2548). วิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพทางพฤติกรรมศาสตร์ และสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ : สามลดา.
อรรณนพ จีนะวัฒน์. (2550). แนวการศึกษาชุดวิชาระเบียบ วิธีวิจัยขั้นสูง. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช.
อุบล เล่นวารี. (2542). การบริหารและการจัดการศึกษาพิเศษเรียนร่วม. กรุงเทพฯ : รําไทยเพรส.
อุษารัตน์ ตังควิเวชกุล. (2550). การศึกษาความสามารถในการอ่านคำของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยเกมการศึกษา. สารนิพนธ์ปริญญา ศษ.ม. (จิตวิทยาการศึกษาพิเศษ). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒประสานมิตร.
เอียน สมิธ และอนงค์ วิเศษสุวรรณ์ .(2550). “การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Facilitating Study–Centered Learning),” วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. 18(2) : 1–10.
Baker, E.T., Wang, M.C., & Walberg, M.J. (1994). “The Effect of Inclusion on Learning,” Education Leadership. 52(4) : 33–35.
Stainback,S., & Stainback, W. (1992). Curriculum Consideration in Inclusive Classroom : Facilitating
learning for all student. Baltimore : paul H.brooks.
Strain, P.S., Woiery, M., & Izeman, S. (1998). “Considerations for Administrator in the Decision of Service
option for Young Children with Autism and their Family,” Young Exceptional Children. 1(2) : 8–16.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว