การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารและบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
คำสำคัญ:
หลักธรรมาภิบาล, ผู้บริหาร, บุคลากรบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารและบุคลากรที่มีต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและบุคลากรที่มีต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และ 3) เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางในการพัฒนา การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลในหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหารและบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.969 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติ t–test, F–Test
ผลการศึกษา พบว่า บุคลากรมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ในระดับปานกลาง โดยค่าเฉลี่ย สูงสุด ได้แก่ หลักนิติธรรม รองลงมา หลักความคุ้มค่า หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความรับผิดชอบ และหลักการมีส่วนร่วม ตามลำดับ และผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและบุคลากร จำแนกตาม อายุ ประเภทบุคลากร คณะที่ปฏิบัติงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน จะมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารในมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาแตกต่างกัน ควรต้องมีการวางแผนในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลต่อไป
เอกสารอ้างอิง
บุษบง ชัยเจริญ และบญมี ลี้. (2544). ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า.
ปัญญา ฉายะจินดาวงศ์ และ รัชนีภู่ ตระกูล. (2549). ธรรมาภิบาล (Good Governance) กับสังคมไทย.กรุงเทพฯ : บพิธการพิมพ์.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (2546). คู่มืออธิบายและแนวทางปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี. กรุงเทพฯ : สิริบุตรการพิมพ์.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว