ความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3
คำสำคัญ:
สมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษา, ประสิทธิผลของสถานศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 2) ศึกษาประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด
เขต 3 และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้
ในการวิจัยเป็นผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 ปีการศึกษา
2559 จานวน 372 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริหารสถานศึกษา มีสมรรถนะ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านที่มี
ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ การทางานเป็นทีม
2. ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน มีระดับความคิดเห็นต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก
เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ความพึงพอใจในงาน
3. สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา มีความสัมพันธ์กันทางบวก อย่างมีนัยสาคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .01 มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r) = .25
เอกสารอ้างอิง
สถานศึกษาในสังกัด. ร้อยเอ็ด: สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2553). การนาแผนกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
ชาตรี โพธิกุล. (2552). สมรรถนะผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี
เขต 2 ตามมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา. การศึกษาค้นคว้าอิสระ ศษ.ม. (สาขาบริหารการศึกษา)
บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยบูรพา.
ธีระ รุญเจริญ. (2544). การบริหารเพื่อการปฏิรูปการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: เยลโล่การพิมพ์.
นารี เต้าสุวรรณ. (2554). รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะและความพึงพอใจในงานของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตร์มหาบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์.
ภัทราพร เกษสังข์. (2549). การวิจัยทางการศึกษา. เลย: คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.
รัชนีกร หงส์พนัส. (2547). การเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นหลัก : ความหมายสู่การเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม
ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม. วารสารมนุษยศาสตร์ปริทรรศน์ ปีที่ 26 ฉบับที่ 1 หน้า 44-53
สมนึก ภัททิยธนี. (2549). การวัดผลการศึกษา. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์.
สมบัติ ท้ายเรือคา. (2551). ระเบียบวิธีวิจัยสาหรับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์
สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ และคณะ. (2543). สาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพผู้บริหาร. กรุงเทพ ฯ: สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติสานักนายกรัฐมนตรี
สิริรัตน์ แก้วสมบัติ. (2553). ความสัมพันธ์ระหว่างการทางานเป็นทีมของครูกับประสิทธิผลของโรงเรียน
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2. วิทยานิพนธ์ ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.
สุวิมล ศรียงค์. (2553). ความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถนะของผู้บริหารกับประสิทธิผลของโรงเรียน ในสังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). เลย:
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.
สานกงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545. กรุงเทพ ฯ : พริกหวาน กราฟฟิค จากัด.
อารีวรรณ์ น้อยดี. (2553). การศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาอยุธยา
เขต 1 และ เขต 2. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
Gibson,C.and D.Mahoney. (1998). Predictor of Jop Satis Faction and Organizations ComitmentService
Organizations. New Jersy : Practice-Hall.
Hoy, W.K. & Miskel, C.G. (2001). Educational Administration : Theory. Research. & Praticle. 4th ed.
New York: McGraw-Hill.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว