อิทธิพลการรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจ ของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การรับรู้, กระบวนการตัดสินใจ, สื่อโฆษณาออนไลน์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวตัถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับ การรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์และกระบวนการ ตัดสินใจ 2) ศึกษาเปรียบเทียบการรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่าย สังคมออนไลน์จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลเพศ และอายุ 3) ศึกษาอิทธิพลการรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่มีต่อกระบวนการตัดสินใจ กลมุ่ตัวอย่างที่ทำการวิจัยใน ครั้งนี้คือ นักศึกษาคณะบริหารธรุกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัย ราชภัฏร้อยเอ็ด จำนวน 260 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมลู คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ การหาค่าวามถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติวิเคราะห์ด้วยค่า t-test และ ค่า F-test และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ 1. ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศ หญิงมีพฤติกรรมการใช้สื่อในเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟสบุ๊ค มากที่สุด มีระดับการรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด 2. ผลการเปรียบเทียบการรับรู้สื่อโฆษณาใน เครือข่ายสังคมออนไลน์ จำแนกตามเพศและอายุ พบว่า 2.1 เพศที่ต่างกันมีการรับรู้สื่อโฆษณาจากการ สร้างกลุ่มมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ และโดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 2.2 อายุที่ต่างกันมีการรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่าย สังคมออนไลน์ในทุก ๆ ด้านไม่แตกต่างกัน 3. ผลการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างการรับรสื่อ โฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้นพบว่ามีความสัมพันธ์ กับกระบวนการการตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และพบว่าการรับรู้สื่อโฆษณาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ สามารถทำนายกระบวนการการตัดสินใจได้ร้อยละ 57.4
เอกสารอ้างอิง
ณฐพร พันธุ์อุดม. (2558). PWC in the News. (Search on 10 June, 2016). From https://www.pwc.com/th/en/ press-room/press-release/2015/new-release-19-06-2015-th.html
ทศพล มงคลถาวร. (2550). ความพึงพอใจต่อการเปิดรับสื่อโฆษณาออนไลน์ของนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
นุชจรินทร์ ชอบดำรงธรรม และคณะ. (2554). อิทธิพลของสื่อโฆษณาออนไลน์ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มผีลต่อ การตอบสนองของผู้บริโภค. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา. 3(6) : 12-26.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ปรมะ สตะเวทิน. (2546). การสื่อสารมวลชน : กระบวนการและทฤษฎี. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพจ์ุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
พรรษพล มังกรพิศม์. (2553). Blackberry Social Network. Device master. กรุงเทพฯ : BrandAge.
ภาษิตา ตันธนวิกรัย. (2551). ทัศนคติและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีต่อเว็บไซต์เครือข่ายสังคม. วิทยานิพนธ์ บธ.ม. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริรักษ์ จันทระ. (2555). ความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อการเปิดรับสื่อโฆษณาออนไลน์ในรูปแบบ Viral Marketing. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเลคทรอนิกส์. (2558). คลังความรู้. (ออนไลน์ 10 มิถุนายน, 2559). แหล่งที่มา : https://www.etda.or.th/articles.html
สิรินันท์ ไทยเจริญ. (2543). การเปิดรับข่าวสารสื่อสารการตลาดโครงการสร้างภาพลักษณ์ประเทศและสินค้าไทยกับ ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการบริโภคสินค้าไทยของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร. สารนิพนธ์ นักศึกษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย.
Hair, J.F.I., and others. (2006). Multivariate Data Analysis. 6th Ed. New Jersey : Pearson.
Lee, S.-F., and others. (2006). An Empirical Examination of Customer Perceptions of Mobile Advertising. Information Resource Management Journal. 19(4): 39–55.
Nunnally, J. C., & Bernstein, I. H. (1994). Psychometric Theory. New York : McGraw-Hill Publishing.
Soroa-Koury, S., & Yang, K.C.C. (2010). Factors Affecting Consumers’ Responses to Mobile Advertising from a Social Norm Theoretical Perspective. Journal Telematics and Informatics. 27(1): 103–113.
Tsang, M.M., and others. (2004). Consumer Attitudes toward Mobile Advertising : An Empirical Study. International Journal Electronics Commerce. 8(3): 65–78.
Xu, D.J. (2006-2007). The Influence of Personalization in Affecting Consumer Attitudes toward Mobile Advertising in China. Journal Computer Information Systems. 47(2): 9–19.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว