ทัศนคติต่อกระบวนการดําเนินงานตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ของผู้บําบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิของสํานักงานคุมประพฤติจังหวัดร้อยเอ็ด

บทคัดย่อ

การศึกษาเรื่องทัศนคติต่อกระบวนการดําเนินงานตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ของผู้บําบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดของสํานักงานคุมประพฤติจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้วิจัยเน้นศึกษาทัศนคติของผู้บําบัดฟื้นฟูฯ ตามกระบวนการดําเนินงานตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ทั้งนี้ผู้วิจัยศึกษาด้วยระเบียบวิธีวิจัยในเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้ข้อมูลที่สําคัญจากหลายแหล่งด้วยกันอาทิระเบียบกฎหมายต่างๆตําราเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้องอีกทั้งยังทําการศึกษาเพื่อหาคําตอบในเชิงลึกด้วยการสัมภาษณ์ (In–depth Interview) รวมทั้งการสังเกตปรากฏการณ์ที่มผลกระทบต่อทัศนคติกระบวนการดําเนินงานตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545

ผลการศึกษาปรากฏว่า

  1.ขั้นตอนการสอบสวนเมื่อตํารวจได้ทําการจับกุมผู้ต้องหาในความผิดฐานเสพเสพและครอบครอง เสพและครอบครองเพื่อเสพและจําหน่ายตํารวจจะนําตัวผู้ต้องหาไปศาลภายใน 48 ชั่วโมง หากผู้ต้องหาอายุไม่เกิน 18 ปี จะนําตัวผู้ต้องหาไปส่งศาลภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ศาลมีคําสั่งให้ดําเนินการตรวจพิสูจน์และศาลจะแจ้งคําสั่งให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดร้อยเอ็ดดำเนินการตรวจพิสูจน์ไปยังสํานักงานคุมประพฤติจังหวัดร้อยเอ็ด

   2.ขั้นตอนการตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด พนักงานเจ้าหน้าที่จะจัดทําบันทึกประวัติพฤติกรรมในการกระทําความผิดสภาพแวดล้อมของผู้นั้นและดําเนินการตรวจพิสูจน์ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน หากดําเนินการยังไม่เสร็จสามารถขอขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน 30 วัน รวมแล้วไม่เกิน 45 วัน เมื่อคณะอนุกรรมการฯวินิจฉัยว่าผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์เป็นผู้เสพหรือติดยาเสพติดจะจัดให้มีแผนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและจะแจ้งผลการตรวจพิสูจน์ให้พนักงานอัยการทราบเพื่อดําเนินการต่อไป

    3.ขั้นตอนการชะลอการฟ้องศาลดําเนินคดีหากผู้ต้องหาเป็นผู้เสพหรือติดยาเสพติดพนักงานอัยการจะมีคําสั่งชะลอฟ้องไว้จนกว่าจะได้รับแจ้งผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจากคณะอนุกรรมการฯ

   4 .ขั้นตอนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจะต้องอยู่รับการ ฟื้นฟูฯตามแผนการฟื้นฟูฯเป็นเวลาไม่เกิน 180 วัน นับจากวันที่ถูกส่งตัวเข้ารับการฟื้นฟูฯหากผลการฟื้นฟูฯ ไม่เป็นที่พอใจสามารถขอขยายระยะเวลาออกไปอีกครั้งละไม่ เกิน 180 วัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 3 ปี และเมื่อผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯปฏิบัติตามแผนการฟื้นฟูฯตามที่ได้กําหนดครบแล้วจะถือว่าผู้นั้นพ้นจากความผิดที่ถูกกล้าวหาและให้คณะอนุกรรมการฯมีคําสั่งปล่อยตัวผู้นั้นไปและแจ้งผลให้ตํารวจหรือพนักงานอัยการทราบและหากผลการฟื้นฟูฯยังไม่เป็นที่พอใจให้คณะอนุกรรมการฯรายงานความเห็นไปยังตํารวจหรือพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาดําเนินคดีผู้นั้น