บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
คำสำคัญ:
บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ, การส่งเสริมศักยภาพทางการเรียนบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพ
ทางการเรียน รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อหาประสิทธิภาพบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการ
ส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างกลุ่มผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ
โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน และกลุ่มผู้เรียนที่เรียนด้วยวิธีการเรียนการสอนแบบปกติ 4) เพื่อศึกษา
ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้
ในการทดลองเป็นผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนป่าติ้ววิทยา อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ปีการศึกษา 2557 จำนวน 28 คน
ซึ่งได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริม
ศักยภาพทางการเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย
ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test Independent samples ผลการวิจัยพบว่า 1) การประเมินคุณภาพบทเรียน
บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน ประกอบด้วย ขั้นตอนการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นการช่วยเสริมศักยภาพด้านความคิดรวบยอด ขั้นการช่วยเสริมศักยภาพด้านกลยุทธ์ ขั้นการช่วยเสริมศักยภาพด้านการคิด
และขั้นการช่วยเสริมศักยภาพด้านกระบวนการ มีการประเมินคุณภาพบทเรียนบนเว็บ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่าบทเรียนมีคุณภาพ
อยู่ในระดับมากที่สุด 2) การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน
รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์มาตรฐานของเมกุยแกนส์ มีค่าเท่ากับ 1.11 ซึ่งมีค่ามากกว่า 1.00
จึงกล่าวได้ว่าบทเรียนที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานของเมกุยแกนส์ 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างผู้เรียน
ที่เรียนด้วยบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียนกับกลุ่มที่เรียนแบบปกติ พบว่า
กลุ่มที่เรียนบนเว็บที่พัฒนาขึ้น มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0 .01
และ 4) ความพึงพอใจของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ โดยใช้กระบวนการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียน พบว่า
ความพึงพอใจของผู้เรียนอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กมล โพธิเย็น. (2547). รูปแบบการพัฒนาความคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างเสริมความสามารถด้านทักษะการเขียนภาษาไทย
ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีโดยใช้แนวคิดทฤษฎีไตรอาร์ขิกและวิธีการแบบสแกฟโฟลด์. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตร
ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยาการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กิตติพงษ์ พุ่มพวง. (2547).เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ SEQIP Workshop 2, คู่มือการใช้งาน Moodle (เวอร์ชั่น
1.4.2) สำหรับผู้สอน,โครงการศึกษาไร้พรมแดน : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี.
กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์. (2543). E – Learning & Web – Based Learning. กรุงเทพฯ : ศูนย์ผลิตตำราเรียน สถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
ไชยยศ เรืองสุวรรณ. (2546). การออกแบบและการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์และบทเรียนบนเครือข่าย : เอกสารประกอบ
การสอนวิชา 0503860. พิมพ์ครั้งที่ 6. มหาสารคาม :อภิชาตการพิมพ์.
ดวงกมล สวนทอง. (2556). การวิจัยและพัฒนารูปแบบการสอนสแกฟโฟลด์ที่ส่งเสริมจิตลักษณะฉันทะและความสามารถ
ในการเขียนบทความวิชาการของนักศึกษาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเพชรบูรณ์. ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตร
ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์ บัณฑิตวิทยาลัย.
มนต์ชัย เทียนทอง. (2544). WBI (Web-Based Instruction). การศึกษาตามมาตรฐาน : แนวคิดสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : แม็ค.
สนิท ตีเมืองซ้าย. (2552). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้ปัญหาเป็นหลักที่มีการช่วยเสริมศักยภาพทางการเรียน
ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์. วิทยานิพนธ์ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
สุมาลี ชัยเจริญ.(2547). ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสซึม. ขอนแก่น :ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษาและศึกษาศาสตรมหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Chen, F-S. & Hsiao, Y-W. (2010). Using WebQuest as a creative teaching tool at a science and technology
university in Taiwan. World Transactions on Engineering and Technology Education-WIETE 8(2),
203-206.
Hannafin M., Susan L., and Kevin O. (1999). Open Learning Environments: Foundations, Methods, and
Models. In Charles M. Reigeluth (ED), Instructional Design Theories And Models: A New Paradigm
of Instructional Theory. Volume II. Newjersy: Lawrence Erlbaum Associates.
Wood, D.; Bruner, J.; & Ross, G. (1976). The role of tutoring in problem-solving. Journal of Child Psychology
and Psychiatry. 17(2):89-100.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว