การเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองสำหรับวัยรุ่น
คำสำคัญ:
ความภาคภูมิใจในตนเอง, ทักษะชีวิต, วัยรุ่น, การเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองบทคัดย่อ
การพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับวัยรุ่นที่สำคัญประการหนึ่งคือเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง (Self – esteem)
ความภาคภูมิใจในตนเองหมายถึงความรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อตนเอง เป็นการมองและประเมินค่าความรู้สึกและอารมณ์
เกี่ยวกับอัตมโนทัศน์ของตน (Self - concept) ระดับของความภาคภูมิใจในตนเองของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับความรู้สึกของ
บุคคลนั้น เมื่อคนที่มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำเผชิญกับปัญหาและสถานการณ์ที่เป็นลบจะประเมินความสามารถของตนเองต่ำ
ส่งผลให้เกิดความรู้สึกและความมีคุณค่าในตนเองน้อยลงและมักพบปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับความภาคภูมิใจในตนเอง เช่น
โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ปัญหาการใช้สารเสพติด การตั้งครรภ์ในวัยเรียน และการฆ่าตัวตาย เป็นต้น บุคคลที่มีความภาคภูมิใจ
ในตนเองสูง จะสามารถเผชิญปัญหาต่างๆและสามารถพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จได้ จึงควรส่งเสริมให้วัยรุ่นได้ผ่าน
กระบวนการพัฒนาทักษะความภาคภูมิใจในตนเองอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการตามช่วงวัยและศักยภาพของบุคคล ดังนั้น
การเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้กับวัยรุ่นจึงเป็นเรื่องสำคัญซึ่งทุกฝ่ายควรตระหนักถึงการวางแผนกิจกรรม
เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็กและเยาวชน โดยได้นำสรุปแนวทางในการเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง
สำหรับวัยรุ่นที่สำคัญ 5 แนวทาง ได้แก่ 1. การจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการ R - C - A 2. การทำกิจกรรมจิตตปัญญาศึกษา
3. การจัดกิจกรรมศิลปะผสมผสาน 4. การสร้างโปรแกรมการอบรมโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีจิตวิทยา 5. การสร้างโปรแกรม
การอบรมโดยมีเพื่อนสนับสนุน โดยผสมผสานเทคนิคและกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมและ
พัฒนาความภาคภูมิใจในตนเองสำหรับวัยรุ่น
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา คุณารักษ์. (2559). การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาจริยธรรมและทักษะชิวิตสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี. Veriidian
E-Journal Silpakorn Universit. 9(2), 1851.
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์. (2561). กรมสุขภาพจิตเผยสำรวจวัยรุ่นไทยผูกติดความสุขไว้กับแฟน. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2561,
จาก http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/792333
ประจิม เมืองแก้ว, ภูฟ้า เสวกพันธ์, เอื้อมพร หลินเจริญ. (2559). การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแนะแนวตามแนวคิด
จิตตปัญญาศึกษาเพื่อเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยนเรศวร, 18(2), 53.
ปรียาภรณ์ เจริญบุตร. (2557). รูปแบบวรรณกรรมและศิลปะที่สามารถเสริมสร้างความมั่นคงด้านจิตใจเพื่อให้เยาวชน
ตระหนักคุณค่าในตนเอง : กรณีศึกษาชุมชนวังทอง. วารสารวิจัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่, 6(6), 78.
เพชรรัตน์ จงนิมิตสถาพร, นภาพร วรเนตรสุดาทิพย์. (2556). เทคนิคคำถาม R-C-A กับการพัฒนาทักษะชีวิต. วารสารศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 36(2), 2.
พรรณทิพย์ ศิริวรรณบุศย์. (2556). ทฤษฎีจิตวิทยาพัฒนาการ (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
รสวันต์ อารีมิตร, บรรณาธิการราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, อนุกรรมการการสุขภาพวัยรุ่น, ชมรมสุขภาพวัยรุ่น.
(2559). ตำราเวชศาสตร์วัยรุ่น. นนทบุรี: ห้างหุ้นส่วนจำกัดภาพพิมพ์.
ศรีเรือน แก้วกังวาน. (2553). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย เล่ม 2 วัยรุ่น-วัยผู้สูงอายุ (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สมรัก ครองยุทธ, นุจรี ไชยมงคล, ดวงใจ วัฒนสินธุ์. (2560). อิทธิพลของทักษะชีวิตที่มีต่อสุขภาพจิตในวัยรุ่นตอนต้น.
วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 35 (2), 60.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แนวทางการพัฒนาทักษะชีวิตบูรณาการ
การเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). แนวทางการจัดค่ายเสริมสร้างทักษะชีวิตปัญหา
หยุดยั้งด้วยพลังเด็กและเยาวชน. ม.ป.ท. : สำนักงาน.
Anderman, E. M. & Anderman, L. M. (2014). Classroom motivation. New Jersey : Pearson.
Buckler, S. & Castle. (2014). Psychology for teacher. California : Sage.
Coholic, D. (2010). Arts Activities for children and Young People in need. Philadelphia : Jessica Kingsley.
Leung, C. & Choi, E. (2010). A qualitative study of self-esteem, peer affiliation, and academic outcome
among low achieving students in Hong kong. New Horizones in Education, 58 (1), 25.
Mcgrow Hill Companies. (2010). Discovering life skills. Columbus : The Mcgrow Hill.
Mrunk, C. J. (2006). Self – esteem Research, Theory, and Practice. Third Edition. New York : Springer.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว