ความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลช่องทางการตลาดกับผลการดำเนินงานของธุรกิจ จำหน่ายวัสดุก่อสร้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คำสำคัญ:
ประสิทธิผลช่องทางการตลาด, ผลการดำเนินงาน, ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลช่องทางการตลาดกับผลการดำเนินงานของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง จำนวน 123 คน และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test, F-test (ANOVA) การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณ และการวิเคราะห์ความถดถอย แบบพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่าผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีประสิทธิผลช่องทางการตลาดโดยรวม อยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านอรรถประโยชน์ด้านสถานที่ ด้านอรรถประโยชน์ ด้านเวลา อยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ ด้านการตอบสนองความต้องการของตลาด และด้านประสิทธิภาพการขนส่ง และผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีผลการดำเนินงาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต และด้านกระบวนการภายในองค์กร
ผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีจำนวนพนักงาน และที่มีระยะเวลาในการเปิดดำเนินกิจการแตกต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีประสิทธิผลช่องทางการตลาดโดยรวม แตกต่างกัน ส่วนที่มีระยะเวลาในการเปิดดำเนินกิจการแตกต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีประสิทธิผลช่องทางการตลาด ด้านอรรถประโยชน์ด้านสถานที่ แตกต่างกัน การวิเคราะห์ผลกระทบของประสิทธิผลช่องทางการตลาด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานเชิงบวกในภาพรวม ได้แก่ ด้านอรรถประโยชน์ด้านเวลา
เอกสารอ้างอิง
กรกนก เจริญสาร. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลช่องทางการตลาดกับผลการดำเนินงานของวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า. (2557). กรมพัฒนาธุรกิจการค้า. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2555, จาก www.dbd.go.th .
______(2559). ข้อมูลผู้ประกอบการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2555, จาก www.dbd.go.th
กาญจนา โพนโต. (2557). การศึกษาช่องทางการตลาดจำหน่ายสินค้าเซรามิคของจังหวัดสุพรรณบุรี. วิทยานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตลาด. นครปฐม: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์.
ธนาคารกสิกรไทย. (2560). ข้อมูลอุตสาหกรรมการก่อสร้าง. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยธนาคารแห่งประเทศไทย.
ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2555). แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ธนาคารแห่งประเทศไทย.
_______. (2560). การชะลอเศรษฐกิจวัสดุก่อสร้าง. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2560, จาก https://www.bot.or.th
ณัฐวดี บุญชูวิทย์. (2557). ผลกระทบของความสามารถทางการตลาดเชิงพลวัตรที่มีต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์.
ปริญ ลักษิตานนท์. (2554). ช่องทางการจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้า. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2557). ความสำคัญของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างต่อภาครัฐ. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560, จาก https://www.kasikornresearch.com
อริยภรณ์ คามะยอม. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลการสื่อสารการตลาดสมัยใหม่กับผลการดำเนินงาน ทางการตลาดของธุรกิจ SMEs ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการตลาด. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
Aaker, D. A., V. Kumar and G.S. Day. (2001). Marketing Research. New York: John Wiley & Son.
Black, K. (2006). Business Statistic for Contemporary Decision Making. 4th ed. USA: John Wiley & Son.
Kaplan, Robert S. and Norton, David P. (1996). The Balanced Scorecard: Translating Strategy to Action. Harvard Business School Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว