Factors For Falls among Elderly : Ban Tha Muang Selaphum District Roi-Et Province
Abstract
This research has the objective to study the incidence of falls and factors affecting falls in the elderly in Ban Tha Muang community, Moo 3, Tha Muang Sub-district, Selaphum District, Roi Et province. Population and sample, they were 112 elders. General information Questionnaire about factors affecting falls data were analyzed by descriptive statistics and chi-square test
The findings most of the elderly were female, 61.4%, aged 60-79 years, 56.6% of the history of falls. The most common cause of falls was 61.7% of the fall. Biological showed incontinence, vision and walking aids and mobility were statistically significant (p-value <0.05) and the symptoms of uneasiness, depression, and loneliness had statistically significant effects on falls (p-value <0.05). Environmental factors found that there were children in the house, the bathroom wet/slippery, all the time, there was a statistically significant effects on falls (p-value <0.05) and the doors were sliding/pulling and closing and have pets had a statistically significant effects on falls (p-value <0.01).
Downloads
References
กนกวรรณ เมืองศิริ, นิภา มหารัชพงค์ และยุวดี รอดจากภัย. (2017). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมป้องกันภาวะหก
ล้มของผู้สูงอายุ จังหวัดชลบุรี. วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, (25)4, 23-33.
กนกอร ทองกลึง. (2560). การศึกษาปัจจัยสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะหกล้มในผู้สูงอายุ : กรณีศึกษา
ชุมชนหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง จังหวัดกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal มหาวิทยาลัย
ศิลปากร, 10(2), 2909-2921.
จารุภา เลขทิพย์, ธีระ วรธนารัตน์, ศักรินทร์ ภูผานิล และศราวุธ ลาภมณีย์. (2562). ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะหกล้มในผู้สูงอายุ.
วารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ, (26)1, 85-103.
นงนุช วงศ์สว่าง, ดนุลดา จีนขาวขำ, ชลธิชา บุญศิริ, สุรินทร์ มีลาภลัน, จารุนันท์ สมบูรณ์สิทธิ์, เพ็ญจมาศ คำธนะ และธานี กล่อมใจ. (2560). ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในบ้านต่อการพลัดตกหกล้มและอุบัติการณ์ การพลัดตก หกล้มของผู้สูงอายุ. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, (10)3, 2492-2506.
ปณิตา ลิมปะวัฒนะ. (2561). กลุ่มอาการสูงอายุและประเด็นทางสุขภาพที่น่าสนใจ. พิมพ์ครั้งที่ 2. ขอนแก่น : หจก.โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา.
ปิติพร สิริทิพากร, วีรศักดิ์ เมืองไพศาล, ดุจปรารถนา พิศาลสารกิจ, เพ็ญศรี เชาว์พานิชย์เวช, ไพฑูรย์ เหล่าจนทร์, สุทิศา ปิติ
ญาณ และนภาพร เพ็งสอน. (2562). ความชุกของกลุ่มอาการสูงอายุและลักษณะของผู้ป่วยสูงอายุที่เข้ารับการรักษาในคลินิกผู้สูงอายุ โรงพยาบาลศิริราช. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, (37)3, 20-29.
มนทนา ตั้งจิรวัฒนา และสุวรรณา วุฒิรณฤทธิ์. (2562). ปัจจัยทํานายการกลัวภาวะหกล้มของผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ, (13)2, 30-40.
รัฐภัทร์ บุญมาทอง, ศากุล ช่างไม้, และสมพันธ์ หิญชีระนันทน์. (2558). ผลลัพธ์ของโปรแกรมการดูแลตนเองในการป้องกันภาวะหกล้มของผู้สูงอายุ ในจังหวัดสมุทรสาคร. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน, (21)3, 573-598.
ละออม สร้อยแสง, จริยวัตร คมพยัคฆ์ และ กนกพร นทีธนสมบัติ. (2557) . การศึกษาแนวทางการป้องกันภาวะหกล้มในผู้สูงอายุชุมชนมิตรภาพพัฒนา. วารสารพยาบาลทหารบก, (15)1, 122-128.
วรรณพร บุญเปล่ง, วดีรัตน์ ศรีวงศ์วรรณ และพัฒนา เศรษฐวัชราวนิช. (2558). อัตราและปัจจัยที่มี ความสัมพันธ์กับภาวะหกล้มของผู้สูงอายุชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาจังหวัดนนทบุรี. วารสารพยาบาลศาสตร์, 33(3),75-86.
วัชราภรณ์ ชีวโศภิษฐ. (2562). สังคมผู้สูงอายุ: ปัจจัยการตลาดที่เปลี่ยนไป. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, (6)1, 5-17.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). รายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2560. สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม 2563, จากhttp://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%
Jen-Wu Huang. (2017). Rural older people had lower mortality after accidental falls than non-rural older
people. Clin Interv Aging, 2017; 12: 97–102.
Yvonne A. Johnston. (2018). Implementation of the Stopping Elderly Accidents, Deaths, and Injuries
Initiative in Primary Care: An Outcome Evaluation. Intervention Research, 59, No. 6, 1182–1191 doi: 10.1093/geront/gny101
Copyright (c) 2020 Roi Et Rajabhat University

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว