ความสุขในการปฏิบัติงานที่มีผลต่อความจงรักภักดี ต่อองค์กรผลิตด้านอาหารและเครื่องดื่ม

ผู้แต่ง

  • ศุภดนัย กลิ่นมาหอม มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  • อรไท ชั้วเจริญ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

คำสำคัญ:

ความสุขในการปฏิบัติงาน, ความจงรักภักดีต่อองค์กร, อาหารและเครื่องดื่ม

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม พนักงานที่มีความสุขในการทำงานมักเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย บริหารจัดการที่เป็นธรรม และการได้รับการยอมรับในผลงาน ความสุขดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อทัศนคติเชิงบวกและความภักดีที่มีต่อองค์กรอย่างยั่งยืน การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลความสุขในการปฏิบัติงานและความจงรักภักดีของพนักงานในองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม 2) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม 3) ศึกษาความสุขในการปฏิบัติงานที่มีผลต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานหรือผู้ที่ปฏิบัติงานในองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ สถิติเชิงพรรณา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่าที การทดสอบค่าเอฟ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ

ผลการวิจัย: พบว่า 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ช่วงอายุส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามคือ อายุ 26-35 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 20,001-30,000 และผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาในการปฏิบัติงาน 1 ปี – 4 ปี 2) ปัจจัยส่วนบุคคลเพศ อายุ ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ที่แตกต่างกันจะมีผลให้มีความสุขในการดำรงชีวิตไม่แตกต่างกัน และระดับรายได้ต่อเดือนต่างกัน จะมีผลต่อความความจงรักภักดีต่อองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) ความสุขในการปฏิบัติงานที่มีผลต่อความจงรักภักดีของพนักงานในองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่มใน 5 ด้าน โดยด้านทางสงบ มีผลต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ในภาพรวมมากที่สุด และด้านสังคมดี มีผลต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ในภาพรวมน้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

สรุปผล: พนักงานในองค์กรผลิตอาหารและเครื่องดื่มส่วนใหญ่มีความสุขในการทำงานอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะด้านความสงบภายในจิตใจ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อความจงรักภักดีต่อองค์กร ในขณะที่รายได้ต่อเดือนที่แตกต่างกันมีผลต่อความจงรักภักดีในระดับที่เห็นได้ชัด ดังนั้น องค์กรจึงควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายที่สร้างความสงบสุขทางใจ (Happy Soul) ควบคู่ไปกับการทบทวนโครงสร้างผลตอบแทนที่เป็นธรรม เพื่อสร้างความผูกพันของพนักงานอย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

นันทพร ชวนชอบ. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลให้บุคลากรมีความจงรักภักดีกับองค์การอย่างยั่งยืน กรณีศึกษากองบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข [สาระนิพนธ์ปริญญา รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์].

รุ่งทิวา ศรีบรรเทา และ ธันยาภรณ์ นวลสิงห์. (2563). ความสุขในการทำงานที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรของครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม, 10(2), 43–50.

สยาม เกิดจรัส. (2562). ความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงาน: กรณีศึกษาบริษัท เอบีซี จำกัด. วารสารสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี, 25(1), 64–80.

สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2554). คู่มือความสุข 8 ประการในที่ทำงาน HAPPY WORK PLACE. https://shorturl.asia/64rOY

อดิศร ศรีอำนวย และ กษิดิศ ใจผาวัง. (2565). ความสุขในการทำงานและความจงรักภักดีต่อองค์กรของ พนักงาน ร้านค้าธุรกิจปลีกเซเว่นอีเลฟเว่นในจังหวัดเชียงราย. วารสารการบริหารการจัดการส่วนท้องถิ่น, 14(7), 81–93.

วิชชุลดา มังสั้น. (2563). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สำนักงานใหญ่) [สาระนิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรังสิต].

วิภา จันทร์หล้า. (2559). ความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อบริษัทโตโยด้า โกเซ เอเชีย จำกัด จังหวัด ชลบุรี [สาระนิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยบูรพา].

Hoy, W. K., & Rees, R. (1974). Subordinate loyalty to immediate superior: A neglected concept in the study of educational administration. Sociology of Education, 47(2), 268–286.https://doi.org/10.2307/2112225

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-11-04

รูปแบบการอ้างอิง

กลิ่นมาหอม ศ., & ชั้วเจริญ อ. (2025). ความสุขในการปฏิบัติงานที่มีผลต่อความจงรักภักดี ต่อองค์กรผลิตด้านอาหารและเครื่องดื่ม . Journal for Developing the Social and Community, 12(3), 177–198. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rdirmu/article/view/292781

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย