รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม
คำสำคัญ:
รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ, การจัดการเรียนรู้ ตกผลึกทางปัญญา, เศรษฐกิจพอเพียง, โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม 2) พัฒนารูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม และ 3) ทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม กลุ่มเป้าหมาย คือ โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก ในปีการศึกษา 2564 มีบุคลากรในโรงเรียน จำนวน 18 คน นักเรียนจำนวน 92 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบเจาะลึก แบบสอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของรูปแบบ และแบบประเมินรูปแบบ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที
ผลการวิจัยพบว่า (1) องค์ประกอบและตัวชี้วัดของการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) กิจกรรมสำคัญที่เสริมประสิทธิภาพการดำเนินภารกิจของเครือข่าย 2) เทคนิค/ วิธีการพัฒนาสมาชิกเครือข่าย 3) กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจ 4) คุณลักษณะที่ดีของผู้นําเครือข่าย 5) การปฏิบัติงานของเครือข่ายและการสะท้อนผล (2) รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม ประกอบด้วย กระบวนการสร้างเครือข่าย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นตระหนักถึงความจําเป็นในการสร้างเครือข่าย 2) ขั้นประสานหน่วยงานองค์กรเครือข่าย 3) ขั้นสร้างพันธสัญญาร่วมกัน 4) ขั้นบริหารจัดการเครือข่าย 5) ขั้นพัฒนาความสัมพันธ์ และ 6) ขั้นรักษาความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนองค์ประกอบของเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก ได้แก่ 1) กิจกรรมสำคัญที่เสริมประสิทธิภาพการดำเนินภารกิจของเครือข่าย 2) เทคนิค วิธีการพัฒนาสมาชิกเครือข่าย 3) กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจ (Empowerment) 4) คุณลักษณะที่ดีของผู้นําและสมาชิกเครือข่าย และ 5) การปฏิบัติงานของเครือข่ายและการสะท้อนผล และ (3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการจัดการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม พบว่า สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
References
Chanbanjong, C. (2002). A study of administrative and educational management practices of local government organizations in Japan. Bangkok : Amarin Printing and Publishing.
Charoenwongsak, K. (2002). Network management: key strategies for success. Bangkok : S. Asia Place.
Ministry of Education. (2010). Guidelines for organizing learning. According to the Basic Education Core Curriculum 2008. Bangkok: Agricultural Cooperative Assembly Press of Thailand.
Ministry of Education. (2018). Basic Education Core Curriculum, B.E. 2008 (Edition. Revised B.E. 2017). Bangkok : Agricultural Cooperative Assembly of Thailand Publishing House.
Office of the Basic Education Commission. (2006). Guidelines for evaluating according to actual conditions. Bangkok : Agricultural Cooperatives Association of Thailand Printing Press.
Phra Maha Sutit Apakro. (2004). Networks: nature, knowledge and management. Bangkok : Project to Enhance Learning for Happy Communities (SSO).
Support Fund Office Health Promotion (2010). Health-loving community newsletter: Creating Happiness. 7(105).
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 เชิดชัย พลกุล, ชยากานต์ เรืองสุวรรณ, วิมลมาศ ปฐมวณิชกุล

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์เป็นของผู้ประพันธ์บทความ